เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2558 นักศึกษาไทยและคนไทยจำนวน 48 คน (ชาย 15 คน หญิง 27 คนและเด็ก 6 คน) ที่อพยพจากเมืองตาริม เฮาเต๊าะ และไซอูน ประเทศเยเมนโดยการช่วยเหลือของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต ได้เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 18.45 น. โดยเที่ยวบิน QR 832 โดยมีนายโวสิต วรทรัพย์ รองอธิบดีกรมการกงสุล แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รอต้อนรับ
คนไทยและนักศึกษาไทยกลุ่มนี้ ได้เดินทางออกจากเยเมนโดยรถบัสเข้าประเทศโอมานที่ด่าน Mazyuna เมื่อวานนี้ และสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้อำนวยความสะดวกเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้งจัดที่พักและอาหารให้แก่นักศึกษา ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
ทั้งนี้ นักศึกษากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สี่ที่อพยพออกจากเยเมนที่เดินทางถึงประเทศไทย โดยตั้งแต่เริ่มมีการอพยพคนไทยออกจากเยเมน มีคนไทยและนักศึกษาไทยที่แจ้งความจำนงขออพยพต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต รวมทั้งสิ้น 125 คน อพยพออกมาจากเยเมนและถึงประเทศไทยแล้ว80 คน ส่วนที่เหลือยังอยู่ในระหว่างการอพยพจะใช้เส้นทางและวิธีที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ
นายรุสลัน นิมะ อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ตนได้ไปเรียนกฎหมายอิสลามและชีวประวัติศาสดา เป็นเวลา 6 ปีจนจบการศึกษา และได้ย้อนกลับไปเป็นเพื่อนภรรยาซึ่งเดินทางไปศึกษาต่อเช่นกัน โดยสถานที่ที่ตนเรียนนั้นอยู่ฝั่งใต้ติดกับชายแดนโอมาน ยังไม่ได้รับผลกระทบส่วนบางพื้นที่บางหัวเมืองยังมีภาวะสงครามอยู่ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้นไม่ขัดสน ที่ขัดสนขาดแคลนนั้นจะเป็นเชื้อเพลิง จำพวกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เพราะเกรงกลัวว่าจะถูกช่วงชิงจากฝ่ายตรงข้าม ส่วนการเรียนนั้นทางโรงเรียนได้อนุญาตหากมีผู้ปกครองของเด็กนักเรียนประสงค์จะให้กลับบ้าน ส่วนคนไหนประสงค์ที่จะอยู่เพื่อเรียนต่อก็อนุญาตให้อยู่ได้ต่อไป ส่วนนักศึกษาที่ยังเหลืออยู่ในเยเมนขณะนี้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายยังมีอีกมากกว่า 50 คนถ้าหากเหตุการณ์สู้รบทวีความรุนแรงมากขึ้นทั้งหมดก็คงจะต้องเดินทางกลับทั้งหมด
ด้านนายสุจินดา บินอาวัง อายุ 32 ปี ชาวอ่อนนุช กรุงเทพมหานคร หนึ่งในนักศึกษาที่เดินทางไปเรียนที่เยเมนออกมากล่าวว่า ตนเองไปเรียนได้ 3 ปี แต่ต้องกลับมากลางคัน จึงรู้สึกเสียดายมาก เนื่องจากกำลังเรียนอย่างสนุกและชื่นชอบในการเรียนเรียกได้ว่ากำลังกอบโกยความรู้อย่างเติมที่ แต่เมื่อเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นถึงแม้ว่า จุดที่ตนเองอยู่นั้นยังห่างไกลจากสงครามแต่ก็เริ่มมีการปิดถนนบางสายแล้วทางครอบครัวที่ประเทศไทยจึงขอร้องให้เดินทางกลับมาจึงตัดสินใจเดินทางกลับในครั้งนี้ ยืนยันว่าหากสงครามสงบก็จะเดินทางกลับไปเรียนต่อที่นั่นแน่นอน ขณะที่นักศึกษาหญิงในเยเมนที่เดินทางกลับมาในคณะนี้ได้ออกมากล่าวความรู้สึกถึงการเดินกลับมาในครั้งนี้ว่าตนเองและเพื่อนๆรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เดินทางกลับเนื่องจากเกิดความหวาดกลัวถึงภัยสงครามที่เกิดขึ้นในเยเมนเช่นกัน ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน ที่มารอรับและอำนวยความสะดวก ได้จัดที่พักและอาหารให้เป็นอย่างดี
ด้าน นายโวสิต วรทรัพย์ รองอธิบดีกรมการกงสุล เปิดเผยว่า เร็วๆนี้คาดว่า จะมีคณะนักศึกษาไทยอีกกว่า 30 คน เดินทางกลับประเทศไทย ในส่วนนักศึกษาที่เหลืออยู่นั้นตัวเลขยังไม่แน่ชัดซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ เบื้องต้นทราบว่ายังมีนักศึกษาไทยอีก 3 คนที่ยังอยู่ในเมืองเอเดน ซึ่งถือว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทางการไทยหลายฝ่ายกำลังหาทางช่วยเหลือนักศึกษาทั้ง 3 คน เบื้องต้นยังสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ยืนยันว่าทุกคนยังปลอดภัยดี ส่วนสถานการณการสู้รบในเยเมนนั้นขณะนี้ยังทรงตัวอยู่ และยังไม่เพิ่มความรุนแรงมากนัก อย่างไรก็ตามทางการไทยก็จะเร่งให้ความช่วยเหลือนักศึกษารวมถึงคนไทยที่อยู่ในเยเมนให้เร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
คนไทยและนักศึกษาไทยกลุ่มนี้ ได้เดินทางออกจากเยเมนโดยรถบัสเข้าประเทศโอมานที่ด่าน Mazyuna เมื่อวานนี้ และสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้อำนวยความสะดวกเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้งจัดที่พักและอาหารให้แก่นักศึกษา ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
ทั้งนี้ นักศึกษากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สี่ที่อพยพออกจากเยเมนที่เดินทางถึงประเทศไทย โดยตั้งแต่เริ่มมีการอพยพคนไทยออกจากเยเมน มีคนไทยและนักศึกษาไทยที่แจ้งความจำนงขออพยพต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต รวมทั้งสิ้น 125 คน อพยพออกมาจากเยเมนและถึงประเทศไทยแล้ว80 คน ส่วนที่เหลือยังอยู่ในระหว่างการอพยพจะใช้เส้นทางและวิธีที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ
นายรุสลัน นิมะ อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ตนได้ไปเรียนกฎหมายอิสลามและชีวประวัติศาสดา เป็นเวลา 6 ปีจนจบการศึกษา และได้ย้อนกลับไปเป็นเพื่อนภรรยาซึ่งเดินทางไปศึกษาต่อเช่นกัน โดยสถานที่ที่ตนเรียนนั้นอยู่ฝั่งใต้ติดกับชายแดนโอมาน ยังไม่ได้รับผลกระทบส่วนบางพื้นที่บางหัวเมืองยังมีภาวะสงครามอยู่ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้นไม่ขัดสน ที่ขัดสนขาดแคลนนั้นจะเป็นเชื้อเพลิง จำพวกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เพราะเกรงกลัวว่าจะถูกช่วงชิงจากฝ่ายตรงข้าม ส่วนการเรียนนั้นทางโรงเรียนได้อนุญาตหากมีผู้ปกครองของเด็กนักเรียนประสงค์จะให้กลับบ้าน ส่วนคนไหนประสงค์ที่จะอยู่เพื่อเรียนต่อก็อนุญาตให้อยู่ได้ต่อไป ส่วนนักศึกษาที่ยังเหลืออยู่ในเยเมนขณะนี้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายยังมีอีกมากกว่า 50 คนถ้าหากเหตุการณ์สู้รบทวีความรุนแรงมากขึ้นทั้งหมดก็คงจะต้องเดินทางกลับทั้งหมด
ด้านนายสุจินดา บินอาวัง อายุ 32 ปี ชาวอ่อนนุช กรุงเทพมหานคร หนึ่งในนักศึกษาที่เดินทางไปเรียนที่เยเมนออกมากล่าวว่า ตนเองไปเรียนได้ 3 ปี แต่ต้องกลับมากลางคัน จึงรู้สึกเสียดายมาก เนื่องจากกำลังเรียนอย่างสนุกและชื่นชอบในการเรียนเรียกได้ว่ากำลังกอบโกยความรู้อย่างเติมที่ แต่เมื่อเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นถึงแม้ว่า จุดที่ตนเองอยู่นั้นยังห่างไกลจากสงครามแต่ก็เริ่มมีการปิดถนนบางสายแล้วทางครอบครัวที่ประเทศไทยจึงขอร้องให้เดินทางกลับมาจึงตัดสินใจเดินทางกลับในครั้งนี้ ยืนยันว่าหากสงครามสงบก็จะเดินทางกลับไปเรียนต่อที่นั่นแน่นอน ขณะที่นักศึกษาหญิงในเยเมนที่เดินทางกลับมาในคณะนี้ได้ออกมากล่าวความรู้สึกถึงการเดินกลับมาในครั้งนี้ว่าตนเองและเพื่อนๆรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เดินทางกลับเนื่องจากเกิดความหวาดกลัวถึงภัยสงครามที่เกิดขึ้นในเยเมนเช่นกัน ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน ที่มารอรับและอำนวยความสะดวก ได้จัดที่พักและอาหารให้เป็นอย่างดี
ด้าน นายโวสิต วรทรัพย์ รองอธิบดีกรมการกงสุล เปิดเผยว่า เร็วๆนี้คาดว่า จะมีคณะนักศึกษาไทยอีกกว่า 30 คน เดินทางกลับประเทศไทย ในส่วนนักศึกษาที่เหลืออยู่นั้นตัวเลขยังไม่แน่ชัดซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ เบื้องต้นทราบว่ายังมีนักศึกษาไทยอีก 3 คนที่ยังอยู่ในเมืองเอเดน ซึ่งถือว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทางการไทยหลายฝ่ายกำลังหาทางช่วยเหลือนักศึกษาทั้ง 3 คน เบื้องต้นยังสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ยืนยันว่าทุกคนยังปลอดภัยดี ส่วนสถานการณการสู้รบในเยเมนนั้นขณะนี้ยังทรงตัวอยู่ และยังไม่เพิ่มความรุนแรงมากนัก อย่างไรก็ตามทางการไทยก็จะเร่งให้ความช่วยเหลือนักศึกษารวมถึงคนไทยที่อยู่ในเยเมนให้เร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทุกคน