เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.ชัชวาลย์ พิมพ์ศรี พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ควบคุมตัวนายไชธร ทองหล่อเลิศ อายุ 41 ปี ว่าที่ร.ต.ฤทธิเดช วรงค์ อายุ 39 ปี นายรัฐวิชญ์ ฐิติอรุณวัฒน์ อายุ 34 ปี และนายอภิชณัฎฐ์ แสนกล้า อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่ 1- 4 คดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก โดยให้เหตุผลต่อศาลว่า เนื่องจากการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ยังต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 30 ปาก รอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ จึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้เป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 12 – 23 เม.ย. พร้อมแนบคำร้องคัดค้านการประกัน เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหายและมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่า ผู้ต้องหาจะหลบหนีไปต่างประเทศและยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เกรงจะเป็นอุปสรรคต่อพนักงานสอบสวนในการรวบรวมพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมาญาติของนายรัฐวิชญ์และนายอภิชณัฏฐ์ ผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 2.5 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาล
ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์ ประกอบพยานหลักฐาน การขอออกหมายจับแล้วเห็นว่า การกระทำของผู้ต้องหาเกี่ยวกับประชาชนผู้บริโภคจำนวนมาก มีมูลค่าการลงทุนสูงโดยเป็นการระดมเงินจากประชาชนทั่วไปที่เป็นสมาชิกซึ่งปรากฏว่า มีผู้ร่วมดำเนินการบางส่วนหลบหนีออกนอกประเทศไปและมีการออกหมายจับไว้หากปล่อยชั่วคราว เชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนีเช่นกัน จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งสี่ขึ้นรถไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
ด้านพ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. ซึ่งเป็นหัวหน้าควบคุมผู้ต้องหามาศาลกล่าวว่า พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย.ผบ.ตร. ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกัน เพราะคดีมีมูลค่าความเสียหายสูงมาก ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชาติ มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์จำนวนมากด้วย หากให้ประกัน เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานสำหรับคดีนี้มีอัตราโทษจำคุก 5 – 10 ปี ปรับ 5 แสนบาท – 1 ล้านบาท ส่วนการอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาเบื้องต้นพบว่ามีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินแล้วบางส่วนมูลค่า 13 ล้านบาทแต่ทางเจ้าหน้าที่ได้สั่งอายัดทันที และกำลังตรวจสอบทรัพย์สินที่เหลือพร้อมติดตามจับกุมผู้ต้องหาคนอื่น ๆที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีต่อไป
ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์ ประกอบพยานหลักฐาน การขอออกหมายจับแล้วเห็นว่า การกระทำของผู้ต้องหาเกี่ยวกับประชาชนผู้บริโภคจำนวนมาก มีมูลค่าการลงทุนสูงโดยเป็นการระดมเงินจากประชาชนทั่วไปที่เป็นสมาชิกซึ่งปรากฏว่า มีผู้ร่วมดำเนินการบางส่วนหลบหนีออกนอกประเทศไปและมีการออกหมายจับไว้หากปล่อยชั่วคราว เชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนีเช่นกัน จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งสี่ขึ้นรถไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
ด้านพ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. ซึ่งเป็นหัวหน้าควบคุมผู้ต้องหามาศาลกล่าวว่า พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย.ผบ.ตร. ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกัน เพราะคดีมีมูลค่าความเสียหายสูงมาก ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชาติ มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์จำนวนมากด้วย หากให้ประกัน เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานสำหรับคดีนี้มีอัตราโทษจำคุก 5 – 10 ปี ปรับ 5 แสนบาท – 1 ล้านบาท ส่วนการอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาเบื้องต้นพบว่ามีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินแล้วบางส่วนมูลค่า 13 ล้านบาทแต่ทางเจ้าหน้าที่ได้สั่งอายัดทันที และกำลังตรวจสอบทรัพย์สินที่เหลือพร้อมติดตามจับกุมผู้ต้องหาคนอื่น ๆที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีต่อไป