คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เพื่อศึกษาดูงานและรับฟังความเห็นจากประชาชน ผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบจากการขุดเจาะปิโตรเลียม โดยมีนายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมตัวแทนส่วนราชการ ตัวแทนกลุ่มประมง และเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นโดยพร้อมเพรียงกัน
พลเอก สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่รับฟังความเห็นผลกระทบที่เกิดจากพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 สืบเนื่องมาจากการคัดค้านการสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ของภาคประชาชน ทำให้ต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมารับฟังความคิดเห็นของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 โดยในส่วนของจังหวัดสงขลา มีพื้นที่ที่ขุดเจาะปิโตรเลียมเป็นจำนวนพื้นที่หนึ่ง จึงจำเป็นจะต้องเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มประมง ท่องเที่ยว และวิถีชีวิต ซึ่งได้กำหนดการเปิดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นอีกหลายจังหวัด ก่อนที่จะประมวลความเห็นในคณะกรรมาธิการฯ จากนั้นจะนำเสนอแนวคิดและพิจารณาความเห็น เสนอรัฐสภาก่อนจะเสนอไปยังรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการฯ บางส่วน ได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มชาวประมงในอำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ไปแล้วเมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) ซึ่งถือว่าพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่มีการขุดเจาะปิโตรเลียม โดยทางด้านผู้ทำการประมงได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ และบริษัทผู้รับสัมปทาน เพราะได้รับผลกระทบ จากแปลงสัมปทานปิโตรเลียม ซึ่งคณะกรรมาธิการได้รวบรวมข้อมูลทุกอย่างจากพื้นที่ และการแสดงความคิดเห็นของชาวประมง เตรียมนำเสนอในที่ประชุมใหญ่ และภาพรวมของทั้งประเทศเพื่อหาทางออกให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป
พลเอก สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่รับฟังความเห็นผลกระทบที่เกิดจากพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 สืบเนื่องมาจากการคัดค้านการสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ของภาคประชาชน ทำให้ต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมารับฟังความคิดเห็นของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 โดยในส่วนของจังหวัดสงขลา มีพื้นที่ที่ขุดเจาะปิโตรเลียมเป็นจำนวนพื้นที่หนึ่ง จึงจำเป็นจะต้องเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มประมง ท่องเที่ยว และวิถีชีวิต ซึ่งได้กำหนดการเปิดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นอีกหลายจังหวัด ก่อนที่จะประมวลความเห็นในคณะกรรมาธิการฯ จากนั้นจะนำเสนอแนวคิดและพิจารณาความเห็น เสนอรัฐสภาก่อนจะเสนอไปยังรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการฯ บางส่วน ได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มชาวประมงในอำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ไปแล้วเมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) ซึ่งถือว่าพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่มีการขุดเจาะปิโตรเลียม โดยทางด้านผู้ทำการประมงได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ และบริษัทผู้รับสัมปทาน เพราะได้รับผลกระทบ จากแปลงสัมปทานปิโตรเลียม ซึ่งคณะกรรมาธิการได้รวบรวมข้อมูลทุกอย่างจากพื้นที่ และการแสดงความคิดเห็นของชาวประมง เตรียมนำเสนอในที่ประชุมใหญ่ และภาพรวมของทั้งประเทศเพื่อหาทางออกให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป
