พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึง ผลการเจรจาระหว่างกรมการบินพลเรือนไทย กับกรมการบินพลเรือนญี่ปุ่น หรือ เจซีเอบี เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่า ทางเจซีเอบีส่งข้อตกลงการบินร่วมกันมาที่กรมการบินพลเรือนเมื่อวานนี้ (31มี.ค.) ซึ่งข้อตกลงเป็นที่น่าพอใจทั้ง 2 ฝ่าย และเตรียมลงนามบันทึกข้อตกลง หรือเอ็มโอยู ร่วมกันในวันพรุ่งนี้ (2 เม.ย.) เวลา 14.00 น.ที่กรมการบินพลเรือน ทั้งนี้ ในเอ็มโอยูจะเน้นการปลดล็อคข้อบกพร่องที่มีนัยต่อความปลอดภัยในระยะสั้น
ส่วนสายการบินที่ได้ขอทำการบินในช่วง 1เมษายน -31 พฤษภาคม 58 รวม 60 วันนั้น จะต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขในเอ็มโอยูคือ จะอนุญาตให้สายการบินของไทยทำการบินได้ต่อเมื่อเป็นเครื่องบินของสายการบินประเทศไทย ที่เป็นเที่ยวบินประจำ และเช่าเหมาลำที่บินในเส้นทางไป-กลับประเทศญี่ปุ่น ไม่เกี่ยวกับประเทศอื่น โดยเช่าเหมาลำจะให้เฉพาะที่เคยให้บริการอยู่เดิม และต้องทำการบินในเส้นทางที่เคยให้บริการเดิม ทำการบินด้วยอากาศยานที่เคยให้บริการเดิม พร้อมทั้งไทยจะต้องรายงานสิ่งผิดปกติระหว่างทำการบินทุกกรณีต่อญี่ปุ่น
ขณะเดียวกัน ทางกรมการบินพลเรือนญี่ปุ่นจะเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบสายการบินของไทยมากขึ้น ทั้งการบริการและการดำเนินงานภาคพื้นดิน โดยเงื่อนไขดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนถึงวันที่ 31 พฤษภาคมนี้
ส่วนสายการบินที่ได้ขอทำการบินในช่วง 1เมษายน -31 พฤษภาคม 58 รวม 60 วันนั้น จะต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขในเอ็มโอยูคือ จะอนุญาตให้สายการบินของไทยทำการบินได้ต่อเมื่อเป็นเครื่องบินของสายการบินประเทศไทย ที่เป็นเที่ยวบินประจำ และเช่าเหมาลำที่บินในเส้นทางไป-กลับประเทศญี่ปุ่น ไม่เกี่ยวกับประเทศอื่น โดยเช่าเหมาลำจะให้เฉพาะที่เคยให้บริการอยู่เดิม และต้องทำการบินในเส้นทางที่เคยให้บริการเดิม ทำการบินด้วยอากาศยานที่เคยให้บริการเดิม พร้อมทั้งไทยจะต้องรายงานสิ่งผิดปกติระหว่างทำการบินทุกกรณีต่อญี่ปุ่น
ขณะเดียวกัน ทางกรมการบินพลเรือนญี่ปุ่นจะเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบสายการบินของไทยมากขึ้น ทั้งการบริการและการดำเนินงานภาคพื้นดิน โดยเงื่อนไขดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนถึงวันที่ 31 พฤษภาคมนี้