นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานสัมมนา "เปิดนโยบายและเทคนิคการลงทุน พลังงานทดแทนไทยปี 58" ว่า รัฐบาลยืนยันส่งเสริมพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง โดยในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ (พีดีพี 2015) คาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งกำหนดแผนใช้พลังงานทดแทนในสัดส่วนร้อยละ 22-25 หรือประมาณ 19,000 เมกะวัตต์ จากที่ปีนี้มีสัดส่วนร้อยละ 11 หรือประมาณ 7,000 เมกะวัตต์
โดยกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนยังคงมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ขยะ และชีวมวล-ก๊าซชีวภาพ ซึ่งในส่วนของโซลาร์เซลล์ในระยะยาวจะเปิดรับซื้ออีกเท่าตัว จากที่ปริมาณปัจจุบันที่รวมทั้งปริมาณค้างท่อ โครงการโซลาร์รูฟท็อป 200 เมกะวัตต์ โครงการโซลาร์สหกรณ์ 800 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,800 เมกะวัตต์ โดยการส่งเสริมพลังงานทดแทนเป็นเรื่องที่รัฐส่งเสริมแต่ก็ต้องดูความมั่นคงและไม่กระทบค่าไฟฟ้าภาคประชาชนด้วย
สำหรับกรณีการเปิดประมูลในอัตราไม่เกินราคารับซื้อไฟฟ้า (ฟีทอินทารีฟ) ของโรงไฟฟ้าชีวมวลและชีวภาพ รวมทั้งโรงไฟฟ้าขยะนั้น กระทรวงพลังงานเห็นว่าหากเอกชนรายใดมีความสามารถ โดยขายไฟฟ้าในราครที่ต่ำกว่าฟีทอินฯ ที่กำหนด ก็สามารถดำเนินการได้เลย โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งกระทรวงพลังงานส่งเสริมเต็มที่ เนื่องจากต้องการบริหารจัดการขยะและผลิตไฟฟ้าด้วย
โดยกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนยังคงมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ขยะ และชีวมวล-ก๊าซชีวภาพ ซึ่งในส่วนของโซลาร์เซลล์ในระยะยาวจะเปิดรับซื้ออีกเท่าตัว จากที่ปริมาณปัจจุบันที่รวมทั้งปริมาณค้างท่อ โครงการโซลาร์รูฟท็อป 200 เมกะวัตต์ โครงการโซลาร์สหกรณ์ 800 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,800 เมกะวัตต์ โดยการส่งเสริมพลังงานทดแทนเป็นเรื่องที่รัฐส่งเสริมแต่ก็ต้องดูความมั่นคงและไม่กระทบค่าไฟฟ้าภาคประชาชนด้วย
สำหรับกรณีการเปิดประมูลในอัตราไม่เกินราคารับซื้อไฟฟ้า (ฟีทอินทารีฟ) ของโรงไฟฟ้าชีวมวลและชีวภาพ รวมทั้งโรงไฟฟ้าขยะนั้น กระทรวงพลังงานเห็นว่าหากเอกชนรายใดมีความสามารถ โดยขายไฟฟ้าในราครที่ต่ำกว่าฟีทอินฯ ที่กำหนด ก็สามารถดำเนินการได้เลย โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งกระทรวงพลังงานส่งเสริมเต็มที่ เนื่องจากต้องการบริหารจัดการขยะและผลิตไฟฟ้าด้วย