เมื่อวันที่ 9 มี.ค. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ท.อำนวย. นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รรท.ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.สยาม บุญสม รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ไพโรจน์. โรจนขจร ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป.และคณะ ร่วมแถลงข่าวกรณี น.ส.ชนิตา กินนิส ที่อ้างว่าถูกทำร้ายร่างกาย มัดมือมัดเท้า และนำไปทิ้งบริเวณบ่อปลา หลังสนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งยอมรับแล้วว่าเป็นการจัดฉากสร้างเหตุการณ์ขึ้นมาเอง ซ้ำยังไม่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือเป็นเศรษฐีทายาทร้อยล้านแต่อย่างใด
จากการสอบสวน น.ส.ชนิตา ให้การแตกต่างไปจากการสอบปากคำ นายประชา ผ่องใส คนขับรถแท็กซี่ คันสีเหลืองหมายเลขทะเบียน ทส-1162 กทม. ที่รับผู้เสียหายและชายฉกรรจ์ไปส่งยังจุดเกิดเหตุ โดยไม่มีท่าทีว่าถูกบังคับ นอก จากนี้จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขารามอินทรา ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังพบด้วยว่า น.ส.ชนิตาได้เดินขึ้นรถเก๋งสีดำไปเอง ทาง บก.ป.1 และ บก.ป.2 จึงได้ลงพื้นที่ทำการสืบสวนคดีนี้
พบว่าชายคนที่ไปพบกับผู้เสียหายในวันที่เกิดเหตุนั้น คือ “นายเมฆ เชื้อจีน” อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 622 ม.2 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ 230/2557 ข้อหา “ฉ้อโกง” จึงได้เดินทางไปติดตามตัวและพบตัวนายเมฆ ที่โรงแรมรัตนศักดิ์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร นำตัวมาสอบสวนปากคำที่กองบังคับการปราบปราม ให้การรับสารภาพ
นายเมฆ กล่าวว่า น.ส.ชนิตาฯ ผู้เสียหาย ได้ติดต่อทางไลน์ว่าจ้างให้ทำทีเป็นลักพาตัว เพื่อเรียกร้องความสนใจจากนายนิว แฟนของ น.ส.ชนิตา เนื่องจากผู้เสียหายมีปัญหากับแฟน และได้เลิกกันไป 2 เดือน โดยได้รับค่าจ้างจาก น.ส.ชนิตาเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท โดยได้โอนมาให้ก่อนจำนวน 40,000 บาท น.ส.ชนิตาขอให้ช่วยเนื่องจากตั้งท้องกับแฟน โดยให้ช่วยทำเป็นทำร้ายร่างกายแล้วเอาไปทิ้งที่ป่า จากนั้นน.ส.ชนิตาได้ให้โทรศัพท์ไปหานายนิว (แฟนของน.ส.ชนิตาฯ) ว่า “จับเมียมึงไว้ จะเอายังไง” นายนิวตอบกลับมาว่า “ไม่มีเมีย ปล่อยให้ตายไปเลย” แล้ววางสายไป
“น.ส.ชนิตาฯ จึงให้โทรไปหานายนิวอีกครั้ง โดย น.ส.ชนิตาฯ พูดกับนายนิวว่า ได้ถูกจับเรียกค่าไถ่ เป็นเงินจำนวน 300,000 บาท แต่นายนิวได้ปฏิเสธว่า น.ส.ชนิตาฯ ไม่ใช่เมียตน ให้ฆ่าทิ้งได้เลย น.ส.ชนิตาฯ จึงได้บอกว่าให้พากลับไปที่บริเวณที่เกิดเหตุ แล้วให้ใช้เชือกรัดคอให้เป็นรอย เพื่อให้เห็นว่าได้ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่จริง แต่รอดตายกลับมาได้”
จากการตรวจสอบประวัติทางทะเบียนราษฎร์ไม่พบข้อมูลว่า น.ส.ชนิตาฯ มีความเกี่ยวข้องกับกรณีเหตุฆาตรกรรม 5 ศพ ครอบครัวปทุมวาสนา แต่อย่างใด และพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดพระโขนง ที่369/2556 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2556 ข้อหา “ฉ้อโกง” โดยมีพฤติการณ์แอบอ้างว่าเป็นญาติกับ ดารา-นักแสดง คือ "ฟลุ๊ค" เกริกพล มัสยวานิช โดยขณะนั้น น.ส.ชนิตาฯ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น น.ส.อิชวารยา มัสยวนิช แล้วไปหลอกเงินจากผู้เสียหายไปจำนวน 80,000 บาท
อย่างไรก็ดี กองปราบปรามจะได้ส่งตัว น.ส.ชนิตา ให้ พงส.กก.2 บก.ป. ดำเนินคดีในข้อหา “แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนหาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท ” ตามกฎหมายต่อไป และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีที่ ผู้ต้องหาทั้งสองมีหมายจับอยู่ อายัดตัวมาดำเนินคดีในข้อหาตามหมายจับต่อไป
จากการสอบสวน น.ส.ชนิตา ให้การแตกต่างไปจากการสอบปากคำ นายประชา ผ่องใส คนขับรถแท็กซี่ คันสีเหลืองหมายเลขทะเบียน ทส-1162 กทม. ที่รับผู้เสียหายและชายฉกรรจ์ไปส่งยังจุดเกิดเหตุ โดยไม่มีท่าทีว่าถูกบังคับ นอก จากนี้จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขารามอินทรา ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังพบด้วยว่า น.ส.ชนิตาได้เดินขึ้นรถเก๋งสีดำไปเอง ทาง บก.ป.1 และ บก.ป.2 จึงได้ลงพื้นที่ทำการสืบสวนคดีนี้
พบว่าชายคนที่ไปพบกับผู้เสียหายในวันที่เกิดเหตุนั้น คือ “นายเมฆ เชื้อจีน” อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 622 ม.2 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ 230/2557 ข้อหา “ฉ้อโกง” จึงได้เดินทางไปติดตามตัวและพบตัวนายเมฆ ที่โรงแรมรัตนศักดิ์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร นำตัวมาสอบสวนปากคำที่กองบังคับการปราบปราม ให้การรับสารภาพ
นายเมฆ กล่าวว่า น.ส.ชนิตาฯ ผู้เสียหาย ได้ติดต่อทางไลน์ว่าจ้างให้ทำทีเป็นลักพาตัว เพื่อเรียกร้องความสนใจจากนายนิว แฟนของ น.ส.ชนิตา เนื่องจากผู้เสียหายมีปัญหากับแฟน และได้เลิกกันไป 2 เดือน โดยได้รับค่าจ้างจาก น.ส.ชนิตาเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท โดยได้โอนมาให้ก่อนจำนวน 40,000 บาท น.ส.ชนิตาขอให้ช่วยเนื่องจากตั้งท้องกับแฟน โดยให้ช่วยทำเป็นทำร้ายร่างกายแล้วเอาไปทิ้งที่ป่า จากนั้นน.ส.ชนิตาได้ให้โทรศัพท์ไปหานายนิว (แฟนของน.ส.ชนิตาฯ) ว่า “จับเมียมึงไว้ จะเอายังไง” นายนิวตอบกลับมาว่า “ไม่มีเมีย ปล่อยให้ตายไปเลย” แล้ววางสายไป
“น.ส.ชนิตาฯ จึงให้โทรไปหานายนิวอีกครั้ง โดย น.ส.ชนิตาฯ พูดกับนายนิวว่า ได้ถูกจับเรียกค่าไถ่ เป็นเงินจำนวน 300,000 บาท แต่นายนิวได้ปฏิเสธว่า น.ส.ชนิตาฯ ไม่ใช่เมียตน ให้ฆ่าทิ้งได้เลย น.ส.ชนิตาฯ จึงได้บอกว่าให้พากลับไปที่บริเวณที่เกิดเหตุ แล้วให้ใช้เชือกรัดคอให้เป็นรอย เพื่อให้เห็นว่าได้ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่จริง แต่รอดตายกลับมาได้”
จากการตรวจสอบประวัติทางทะเบียนราษฎร์ไม่พบข้อมูลว่า น.ส.ชนิตาฯ มีความเกี่ยวข้องกับกรณีเหตุฆาตรกรรม 5 ศพ ครอบครัวปทุมวาสนา แต่อย่างใด และพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดพระโขนง ที่369/2556 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2556 ข้อหา “ฉ้อโกง” โดยมีพฤติการณ์แอบอ้างว่าเป็นญาติกับ ดารา-นักแสดง คือ "ฟลุ๊ค" เกริกพล มัสยวานิช โดยขณะนั้น น.ส.ชนิตาฯ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น น.ส.อิชวารยา มัสยวนิช แล้วไปหลอกเงินจากผู้เสียหายไปจำนวน 80,000 บาท
อย่างไรก็ดี กองปราบปรามจะได้ส่งตัว น.ส.ชนิตา ให้ พงส.กก.2 บก.ป. ดำเนินคดีในข้อหา “แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนหาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท ” ตามกฎหมายต่อไป และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีที่ ผู้ต้องหาทั้งสองมีหมายจับอยู่ อายัดตัวมาดำเนินคดีในข้อหาตามหมายจับต่อไป