พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล หัวหน้าพนักงานสอบสวนชุดตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่างสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด กับวัดพระธรรมกาย เปิดเผยถึง กำหนดการเรียกกลุ่มพระที่มีชื่อรับเช็คบริจาคจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ เข้าให้ปากคำว่า ในเวลา 10.00 น.วันที่ 9 มีนาคม ดีเอสไอจะสอบปากคำพยานบุคคลรายแรก คือ พระครูปลัดวิจารย์ ธีรังกุโร ซึ่งรับเช็คจำนวน 119 ล้านบาท เพื่อนำไปก่อตั้งมูลนิธิดูแลเด็กที่ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวอีกว่า ซึ่งจนถึงขณะนี้พระครูปลัดวิจารย์ ยังไม่ติดต่อประสานงานกับพนักงานสอบสวนว่าจะมาตามนัดหมายหรือไม่ หากไม่มาตามนัดหมายพนักงานสอบสวนจะส่งเจ้าหน้าที่นำหมายไปส่งถึงวัด และต้องมาให้ปากคำภายใน 7 วันหลังจากได้รับหมาย โดยทราบว่าพระครูปลัดวิจารย์ ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสอีกวัดหนึ่งแล้ว ยังไม่แน่ใจว่าท่านได้รับหมายเรียกหรือไม่ แต่ในทางสายพระอาจมีการส่งข่าวสารติดต่อบอกกันได้
“ส่วนหมายเรียกสอบปากคำพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย วันที่ 10 มีนาคม เวลา 10.00 น.ต้องรอดูว่าพระธัมมชโยจะมาตามนัดหมายหรือไม่ และวันที่ 11 มีนาคม นัดสอบปากคำพระมนตรี สุดาภาโส และเวลา 14.00 น.วันที่ 13 มีนาคม นัดสอบปากคำนายสถาพร วัฒนาศิรินุกูล นอกจากนี้ยังมีหมายเรียกกลุ่มบุคคลและนิติบุคคลอีก 40 ราย ตามรายชื่อรับเช็ค จากนายศุภชัย เข้าให้ปากคำตลอดเดือนมีนาคมนี้ด้วย” พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าว
ด้านนายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามเงินบริจาคของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ คืนจากวัดพระธรรมกาย ว่า ทุกฝ่ายกำลังติดตามอยู่ โดยคณะผู้เจรจากับพระธัมมชโย ประกอบด้วย ดีเอสไอ และกรรมการสหกรณ์ฯ บอกว่าต้องได้เงินคืนของจริง ส่วนจะได้คืนเมื่อไรตอบยาก เนื่องจากทางวัดขอเวลาตรวจสอบเอกสารต่างๆ และรับปากมาตลอดว่าจะคืนเงิน แต่ช้ามาก แต่หากทางวัดคืนเงินมาก็จะนำไปเยียวยาสมาชิกสหกรณ์ฯที่เดือดร้อนอย่างน้อยรายละ 10,000-20,000 บาท เพราะเขาเดือดร้อนมากก็ต้องดูกันต่อไปว่าทางวัดจะเห็นใจสมาชิกสหกรณ์ฯอย่างจริงใจหรือไม่
“ทางวัดขอเวลาตรวจสอบเอกสารต่างๆและรับปากมาตลอดว่าจะคืนเงิน แต่ช้ามาก โดยหลักการถ้าวัดมีเงินสดก็จ่ายได้ทันที สามารถทยอยจ่ายได้ ซึ่งครั้งหลังสุดเมื่อดีเอสไอ และกรรมการสหกรณ์ฯไปเจรจา ก็มีสัญญาณที่ดีว่าจะคืนเงินให้ หากมีเงินสดวัดก็สามารถคืนมาก่อนสัก 30% วัดอย่าไปหวังตั้งกองทุนระดมเงินให้คนมาบริจาคเพื่อเอามาใช้คืน มันไม่จบไม่สิ้น จะเสียชื่อทางวัด ส่วนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ จะยกฟ้องวัดหรือไม่ คงต้องดูข้อเท็จก่อนว่าวัดมีเจตนาจะคืนเงินจริงหรือไม่ เมื่อคืนแล้วค่อยมาดูเรื่องคดี” นายชวลิต กล่าว
พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวอีกว่า ซึ่งจนถึงขณะนี้พระครูปลัดวิจารย์ ยังไม่ติดต่อประสานงานกับพนักงานสอบสวนว่าจะมาตามนัดหมายหรือไม่ หากไม่มาตามนัดหมายพนักงานสอบสวนจะส่งเจ้าหน้าที่นำหมายไปส่งถึงวัด และต้องมาให้ปากคำภายใน 7 วันหลังจากได้รับหมาย โดยทราบว่าพระครูปลัดวิจารย์ ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสอีกวัดหนึ่งแล้ว ยังไม่แน่ใจว่าท่านได้รับหมายเรียกหรือไม่ แต่ในทางสายพระอาจมีการส่งข่าวสารติดต่อบอกกันได้
“ส่วนหมายเรียกสอบปากคำพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย วันที่ 10 มีนาคม เวลา 10.00 น.ต้องรอดูว่าพระธัมมชโยจะมาตามนัดหมายหรือไม่ และวันที่ 11 มีนาคม นัดสอบปากคำพระมนตรี สุดาภาโส และเวลา 14.00 น.วันที่ 13 มีนาคม นัดสอบปากคำนายสถาพร วัฒนาศิรินุกูล นอกจากนี้ยังมีหมายเรียกกลุ่มบุคคลและนิติบุคคลอีก 40 ราย ตามรายชื่อรับเช็ค จากนายศุภชัย เข้าให้ปากคำตลอดเดือนมีนาคมนี้ด้วย” พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าว
ด้านนายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามเงินบริจาคของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ คืนจากวัดพระธรรมกาย ว่า ทุกฝ่ายกำลังติดตามอยู่ โดยคณะผู้เจรจากับพระธัมมชโย ประกอบด้วย ดีเอสไอ และกรรมการสหกรณ์ฯ บอกว่าต้องได้เงินคืนของจริง ส่วนจะได้คืนเมื่อไรตอบยาก เนื่องจากทางวัดขอเวลาตรวจสอบเอกสารต่างๆ และรับปากมาตลอดว่าจะคืนเงิน แต่ช้ามาก แต่หากทางวัดคืนเงินมาก็จะนำไปเยียวยาสมาชิกสหกรณ์ฯที่เดือดร้อนอย่างน้อยรายละ 10,000-20,000 บาท เพราะเขาเดือดร้อนมากก็ต้องดูกันต่อไปว่าทางวัดจะเห็นใจสมาชิกสหกรณ์ฯอย่างจริงใจหรือไม่
“ทางวัดขอเวลาตรวจสอบเอกสารต่างๆและรับปากมาตลอดว่าจะคืนเงิน แต่ช้ามาก โดยหลักการถ้าวัดมีเงินสดก็จ่ายได้ทันที สามารถทยอยจ่ายได้ ซึ่งครั้งหลังสุดเมื่อดีเอสไอ และกรรมการสหกรณ์ฯไปเจรจา ก็มีสัญญาณที่ดีว่าจะคืนเงินให้ หากมีเงินสดวัดก็สามารถคืนมาก่อนสัก 30% วัดอย่าไปหวังตั้งกองทุนระดมเงินให้คนมาบริจาคเพื่อเอามาใช้คืน มันไม่จบไม่สิ้น จะเสียชื่อทางวัด ส่วนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ จะยกฟ้องวัดหรือไม่ คงต้องดูข้อเท็จก่อนว่าวัดมีเจตนาจะคืนเงินจริงหรือไม่ เมื่อคืนแล้วค่อยมาดูเรื่องคดี” นายชวลิต กล่าว