ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศล่าสุด เมื่อวันที่ 3 มีนาคม มีปริมาณน้ำรวมกัน 41,174 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 59 ของความจุอ่างฯ ขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันทั้งสิ้นประมาณ 17,671 ล้านลูกบาศก์เมตร
สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 5,771 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 43 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,971 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 5,487 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 58 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 2,637 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 466 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 50 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 423 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 487 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 484 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้ง 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 5,515 ล้านลูกบาศก์เมตร
ส่วนผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ขณะนี้มีการใช้น้ำไปแล้ว 2,416 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 83 ของแผนจัดสรรน้ำฯ ทั้งนี้ แผนจัดสรรน้ำฤดูแล้งฯ กำหนดไว้ 2,900 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ มีรายงานว่า เกษตรกรในลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้มีการทำนาปรังไปแล้วกว่า 4.82 ล้านไร่ ในส่วนของสถานการณ์ความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน ปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ปริมาณน้ำที่ใช้การได้ตามแผนการจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี 57/58 ของลุ่มน้ำเจ้าพระยา เหลืออยู่เพียงร้อยละ 17 เท่านั้น ในขณะที่ยังเหลือระยะเวลาอีกประมาณ 2 เดือนที่จะสิ้นสุดฤดูแล้ง จึงขอให้เกษตรกรงดเพิ่มพื้นที่นาปรังต่อเนื่อง เพราะเสี่ยงต่อปัญหาขาดแคลนน้ำค่อนข้างสูง และเพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ เพียงพอใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศในลุ่มน้ำอย่างไม่ขาดแคลน จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัดด้วย
สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 5,771 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 43 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,971 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 5,487 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 58 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 2,637 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 466 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 50 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 423 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 487 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 484 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้ง 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 5,515 ล้านลูกบาศก์เมตร
ส่วนผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ขณะนี้มีการใช้น้ำไปแล้ว 2,416 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 83 ของแผนจัดสรรน้ำฯ ทั้งนี้ แผนจัดสรรน้ำฤดูแล้งฯ กำหนดไว้ 2,900 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ มีรายงานว่า เกษตรกรในลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้มีการทำนาปรังไปแล้วกว่า 4.82 ล้านไร่ ในส่วนของสถานการณ์ความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน ปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ปริมาณน้ำที่ใช้การได้ตามแผนการจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี 57/58 ของลุ่มน้ำเจ้าพระยา เหลืออยู่เพียงร้อยละ 17 เท่านั้น ในขณะที่ยังเหลือระยะเวลาอีกประมาณ 2 เดือนที่จะสิ้นสุดฤดูแล้ง จึงขอให้เกษตรกรงดเพิ่มพื้นที่นาปรังต่อเนื่อง เพราะเสี่ยงต่อปัญหาขาดแคลนน้ำค่อนข้างสูง และเพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ เพียงพอใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศในลุ่มน้ำอย่างไม่ขาดแคลน จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัดด้วย
