พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวถึงเหตุระเบิดในเขตพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย วานนี้ (20 ก.พ.) ว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้ลอบวางระเบิดพร้อมกัน 3 จุด แต่สามารถเก็บกู้ได้ 2 จุด ซึ่งประชาชนได้แจ้งเบาะแส จึงทำให้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทันท่วงที ลดความสูญเสียได้มาก ส่วนการเกิดระเบิด 1 จุด พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุไว้ในรถปิกอัพ ซึ่งคนร้ายได้ปล้นฆ่าแย่งชิงจากราษฎรในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา และนำไปก่อเหตุที่เทศบาลตำบลมะกรูด อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2557 ก่อนนำมาใช้ประกอบวัตถุระเบิดดังกล่าว
สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บปัจจุบันยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ 8 คน และอนุญาตให้กลับบ้านแล้ว 9 คน บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 17 หลัง
อย่างไรก็ตาม การสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในครั้งนี้ เป็นความพยายามทำลายบรรยายกาศกระบวนการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำลายภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจ และทำลายความน่าเชื่อถือของระบบอำนาจรัฐที่พยายามแก้ไขปัญหาเชิงสันติวิธีในทุกด้าน ทั้งการบังคับใช้กฎหมาย การดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัย การเข้ามามีส่วนร่วมของภาคประชาชน และการพัฒนาที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนถือเป็นพฤติกรรมแบบไร้มนุษยธรรม ซึ่งสมควรต้องได้รับการประณามจากทุกภาคส่วนอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มเครือข่ายองค์กรที่เคลื่อนไหวเรียกร้องหาความเป็นธรรมในพื้นที่ เพราะหากเพิกเฉย สังคมอาจจะตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเพียงพฤติกรรมแอบอ้าง หรืออาจมีส่วนหนุนเสริมให้ใช้ความรุนแรง
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการเน้นย้ำให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อนำไปสู่การขยายผลติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายและรายงานความคืบหน้าให้สังคมทราบเป็นระยะๆ พร้อมกำชับให้เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อหาทางช่วยเหลือเยียวยา ซ่อมแซมและฟื้นฟูให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างเร่งด่วนที่สุด และจะขยายผลยุทธศาสตร์ประชาชนมีส่วนร่วม ตามมาตรการชุมชนเข้มแข็ง โดยให้จัดกิจกรรมทำประชาคมสร้างความเข้าใจ เพื่อให้ประชาชนทุกครัวเรือนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลชุมชน ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บปัจจุบันยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ 8 คน และอนุญาตให้กลับบ้านแล้ว 9 คน บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 17 หลัง
อย่างไรก็ตาม การสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในครั้งนี้ เป็นความพยายามทำลายบรรยายกาศกระบวนการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำลายภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจ และทำลายความน่าเชื่อถือของระบบอำนาจรัฐที่พยายามแก้ไขปัญหาเชิงสันติวิธีในทุกด้าน ทั้งการบังคับใช้กฎหมาย การดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัย การเข้ามามีส่วนร่วมของภาคประชาชน และการพัฒนาที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนถือเป็นพฤติกรรมแบบไร้มนุษยธรรม ซึ่งสมควรต้องได้รับการประณามจากทุกภาคส่วนอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มเครือข่ายองค์กรที่เคลื่อนไหวเรียกร้องหาความเป็นธรรมในพื้นที่ เพราะหากเพิกเฉย สังคมอาจจะตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเพียงพฤติกรรมแอบอ้าง หรืออาจมีส่วนหนุนเสริมให้ใช้ความรุนแรง
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการเน้นย้ำให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อนำไปสู่การขยายผลติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายและรายงานความคืบหน้าให้สังคมทราบเป็นระยะๆ พร้อมกำชับให้เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อหาทางช่วยเหลือเยียวยา ซ่อมแซมและฟื้นฟูให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างเร่งด่วนที่สุด และจะขยายผลยุทธศาสตร์ประชาชนมีส่วนร่วม ตามมาตรการชุมชนเข้มแข็ง โดยให้จัดกิจกรรมทำประชาคมสร้างความเข้าใจ เพื่อให้ประชาชนทุกครัวเรือนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลชุมชน ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
