ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนวันศุกร์ (13 ก.พ.) ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 46.97 จุด หรือ +0.26% อยู่ที่ 18,019.35 จุด เป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่เหนือระดับ 18,000 จด ดัชนีแนสแดคปิดที่ 4,893.84 จุด เพิ่มขึ้น 36.23 จุด หรือ +0.75% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,096.99 จุด เพิ่มขึ้น 8.51 จุด หรือ +0.41%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวหลังยูโรสแตทรายงานว่า จีดีพีของยูโรโซนในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วขยายตัว 0.3%มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.2% และหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 0.9%โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจยูโรโซนปรับตัวดีขึ้นมาจากการขยายตัวแข็งแกร่งของเศรษฐกิจเยอรมนี ซึ่งมีขนาดใหญ่สุดในยุโรป โดยจีดีพีของเยอรมนีในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ขยายตัว 0.7% ปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในช่วงไตรมาส 3
ด้านราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 2.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดทองคำนิวยอร์คปิดเมื่อวันศุกร์(13ก.พ.) ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 6.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,227.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาด
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากผลสำรวจของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเบื้องต้นของเดือนก.พ.ลดลงสู่ระดับ 93.6 ต่ำกว่าระดับ 98.1 ของเดือนม.ค.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 98.1 ในเดือนก.พ.
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ราคานำเข้าสินค้าทรุดตัวลง 2.8% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2008 หรือในรอบ 6 ปี และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 7 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อจากการค้ากับต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ราคานำเข้าร่วงลง 1.9% ในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆในตะกร้าเงินนั้น ปรับตัวลง 0.01% แตะที่ 94.18 ทั้งนี้ การอ่อนค่าดอลลาร์จะช่วยให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและดึงดูดนักลงทุนให้เข้าซื้ออย่างคึกคัก
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวหลังยูโรสแตทรายงานว่า จีดีพีของยูโรโซนในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วขยายตัว 0.3%มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.2% และหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 0.9%โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจยูโรโซนปรับตัวดีขึ้นมาจากการขยายตัวแข็งแกร่งของเศรษฐกิจเยอรมนี ซึ่งมีขนาดใหญ่สุดในยุโรป โดยจีดีพีของเยอรมนีในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ขยายตัว 0.7% ปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในช่วงไตรมาส 3
ด้านราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 2.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดทองคำนิวยอร์คปิดเมื่อวันศุกร์(13ก.พ.) ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 6.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,227.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาด
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากผลสำรวจของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเบื้องต้นของเดือนก.พ.ลดลงสู่ระดับ 93.6 ต่ำกว่าระดับ 98.1 ของเดือนม.ค.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 98.1 ในเดือนก.พ.
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ราคานำเข้าสินค้าทรุดตัวลง 2.8% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2008 หรือในรอบ 6 ปี และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 7 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อจากการค้ากับต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ราคานำเข้าร่วงลง 1.9% ในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆในตะกร้าเงินนั้น ปรับตัวลง 0.01% แตะที่ 94.18 ทั้งนี้ การอ่อนค่าดอลลาร์จะช่วยให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและดึงดูดนักลงทุนให้เข้าซื้ออย่างคึกคัก