การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยก่อนการเข้าสู่วาระ พล.อ. เลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ปรึกษาและโฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ชี้แจงความคืบหน้าการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อที่ประชุม สปช.ว่า กรรมาธิการยกร่างฯ ได้พิจารณาในส่วนขององค์กรอิสระ โดยในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ปรับจำนวนจากคณะกรรมการจากที่กำหนดไว้ 10 คน เป็น 9 คน รวมตำแหน่งประธานกรรมการ มีวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปีได้เพียงวาระเดียว และต้องไม่เคยเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช.มาก่อน ซึ่งไม่ได้กำหนดว่าจะต้องมีประสบการณ์ในด้านการป้องกันและปราบปราม
นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงถึงเหตุผลการควบรวมผู้ตรวจการแผ่นดินกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เป็นองค์กรใหม่ที่ชื่อว่าผู้ตรวจการแผ่นดินและพิทักษ์สิทธิ์ของประชาชน มีคณะกรรมการ 1 คน แบ่งงานเป็น 11 ด้าน ซึ่งการควบรวมดังกล่าวเป็นไปเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม เพราะทั้ง 2 องค์กรมีภารกิจที่ใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ได้ตัดอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินในการตรวจสอบเรื่องจริยธรรมออก โดยให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสมัชชาคุณธรรมแทน
นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงถึงเหตุผลการควบรวมผู้ตรวจการแผ่นดินกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เป็นองค์กรใหม่ที่ชื่อว่าผู้ตรวจการแผ่นดินและพิทักษ์สิทธิ์ของประชาชน มีคณะกรรมการ 1 คน แบ่งงานเป็น 11 ด้าน ซึ่งการควบรวมดังกล่าวเป็นไปเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม เพราะทั้ง 2 องค์กรมีภารกิจที่ใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ได้ตัดอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินในการตรวจสอบเรื่องจริยธรรมออก โดยให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสมัชชาคุณธรรมแทน