การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. วันนี้ (26 ม.ค.) เริ่มเวลา 09.30 น. โดยมีนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระเป็นการนำเสนอรายงานความคืบหน้าการยกร่างรัฐธรรมนูญ ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่ง พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า ในการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ยกร่างในบททั่วไป 7 มาตรา ภาค 1-3 เสร็จสิ้นแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณายกร่างองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
ทั้งนี้ ได้นำเสนอสิ่งที่เพิ่มใหม่ในรัฐธรรมนูญ เช่น การปรับเปลี่ยนให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจชี้ขาดในหน่วยงานต่างๆ ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของตนเอง ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ถึงทางตันของปัญหา
ส่วนเนื้อหาว่าด้วยพลเมืองนั้น ได้เพิ่มข้อห้าม ไม่ให้พลเมืองไทยยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความแตกแยก หรือ Hate Speech และให้ใช้สิทธิทางการเมืองอย่างสุจริต โดยคำนึงถึงส่วนรวม
ขณะที่เรื่องสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ได้ห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้าดำเนินกิจการในสื่อ และห้ามรัฐให้เงินหรือทรัพย์สินอื่นใดเพื่ออุดหนุนกิจการของสื่อเอกชน ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และออนไลน์ เว้นแต่ได้มีบทบัญญัติกฎหมายขึ้นมาเฉพาะ
จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณารายงานการจัดทำวิสัยทัศน์และออกแบบอนาคตประเทศไทย ซึ่งเป็นการประมวลประเด็นการปฏิรูปที่มีความซ้ำซ้อนกัน โดยเป็นการวางกรอบการจัดทำแผนแม่บทการปฏิรูปประเทศให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน เพื่อนำไปสู่แนวทางการทำงานของคณะกรรมาธิการปฏิรูปทั้ง 18 คณะ และภายใน 3 เดือน จะต้องจัดทำแผนการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านให้แล้วเสร็จ พร้อมนำเสนอแผนปฏิรูปเชิงโครงสร้างและระบบที่ต้องมีการตรากฎหมายขึ้นใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ยังมีวาระที่สำคัญ คือ การหารือกลไกป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งการอภิปรายทั่วไป เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมเชิงเศรษฐกิจและสังคมด้วย
ทั้งนี้ ได้นำเสนอสิ่งที่เพิ่มใหม่ในรัฐธรรมนูญ เช่น การปรับเปลี่ยนให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจชี้ขาดในหน่วยงานต่างๆ ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของตนเอง ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ถึงทางตันของปัญหา
ส่วนเนื้อหาว่าด้วยพลเมืองนั้น ได้เพิ่มข้อห้าม ไม่ให้พลเมืองไทยยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความแตกแยก หรือ Hate Speech และให้ใช้สิทธิทางการเมืองอย่างสุจริต โดยคำนึงถึงส่วนรวม
ขณะที่เรื่องสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ได้ห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้าดำเนินกิจการในสื่อ และห้ามรัฐให้เงินหรือทรัพย์สินอื่นใดเพื่ออุดหนุนกิจการของสื่อเอกชน ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และออนไลน์ เว้นแต่ได้มีบทบัญญัติกฎหมายขึ้นมาเฉพาะ
จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณารายงานการจัดทำวิสัยทัศน์และออกแบบอนาคตประเทศไทย ซึ่งเป็นการประมวลประเด็นการปฏิรูปที่มีความซ้ำซ้อนกัน โดยเป็นการวางกรอบการจัดทำแผนแม่บทการปฏิรูปประเทศให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน เพื่อนำไปสู่แนวทางการทำงานของคณะกรรมาธิการปฏิรูปทั้ง 18 คณะ และภายใน 3 เดือน จะต้องจัดทำแผนการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านให้แล้วเสร็จ พร้อมนำเสนอแผนปฏิรูปเชิงโครงสร้างและระบบที่ต้องมีการตรากฎหมายขึ้นใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ยังมีวาระที่สำคัญ คือ การหารือกลไกป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งการอภิปรายทั่วไป เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมเชิงเศรษฐกิจและสังคมด้วย
