นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ รับมอบอำนาจจากนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กับพวกรวม 5 คน ยื่นฟ้องนายภักดี โพธิศิริ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการ รวมถึงฟ้องนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ นายประสาท พงษ์ศิวาภัย นายวิชา มหาคุณ นายวิชัย วิวิตเสวี ซึ่งเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช.ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ต่อศาลอาญา
นายเรืองไกร กล่าวว่า การยื่นฟ้องคดีนี้สืบเนื่องจากนายภักดี มีคุณสมบัติความเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากไม่ได้ลาออกจากบริษัท องค์กรเภสัชกรรม เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ภายใน 15 หลัง จากเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ ป.ป.ช.และได้แจ้งเรื่องนี้ต่อคณะกรรมกรรมการ ป.ป.ช.ถึงคุณสมบัติว่านายภักดี แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กลับเพิกเฉย และอ้างว่าไม่มีอำนาจพิจารณาคุณสมบัติของกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยกันเอง และยังอ้างมติของวุฒิสภาว่าเคยพิจารณาเรื่องคุณสมบัติของนายภักดี มาแล้ว ทั้งที่วุฒิสภาไม่เคยพิจารณาเรื่องดังกล่าวส่งผลให้นายสุรพงษ์ กับพวกได้รับความเสียหาย กรณีที่มีนายภักดี เข้าร่วมประชุมและลงมติในข้อกล่าวหาต่างๆ และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาว่าจะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาหรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า การยื่นฟ้องคดีนี้สืบเนื่องจากนายภักดี มีคุณสมบัติความเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากไม่ได้ลาออกจากบริษัท องค์กรเภสัชกรรม เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ภายใน 15 หลัง จากเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ ป.ป.ช.และได้แจ้งเรื่องนี้ต่อคณะกรรมกรรมการ ป.ป.ช.ถึงคุณสมบัติว่านายภักดี แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กลับเพิกเฉย และอ้างว่าไม่มีอำนาจพิจารณาคุณสมบัติของกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยกันเอง และยังอ้างมติของวุฒิสภาว่าเคยพิจารณาเรื่องคุณสมบัติของนายภักดี มาแล้ว ทั้งที่วุฒิสภาไม่เคยพิจารณาเรื่องดังกล่าวส่งผลให้นายสุรพงษ์ กับพวกได้รับความเสียหาย กรณีที่มีนายภักดี เข้าร่วมประชุมและลงมติในข้อกล่าวหาต่างๆ และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาว่าจะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาหรือไม่