พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยปี 2557 และแนวโน้มปี 2558 ว่า การส่งออกข้าวรวมทั้งปี 2557 จะมีประมาณ 10.8 ล้านตัน มูลค่า 5,372 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าการส่งออกปี 2556 ซึ่งมีปริมาณ 6.6 ล้านตัน และมูลค่า 4,420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอัตราร้อยละ 64 และร้อยละ 22 ตามลำดับ นับว่าเป็นปีที่ปริมาณการส่งออกข้าวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากภาครัฐและเอกชนร่วมกันเร่งระบายข้าวตามฤดูการผลิต และข้าวในสต๊อกของรัฐบาลออกสู่ตลาดต่างประเทศอย่างเต็มกำลัง
ทั้งนี้ ในปี 2558 คาดว่าแนวโน้มการค้าข้าวทั้งของโลกและของไทยจะขยายตัวมากขึ้น ผลผลิตข้าวโลกจะมีประมาณ 475.2 ล้านตัน ลดลงจากปีนี้ซึ่งมีประมาณ 476.9 ล้านตัน ร้อยละ 0.3 เนื่องจากผลผลิตข้าวของไทย อินเดีย ญี่ปุ่น ปากีสถาน อียิปต์ ศรีลังกา และไนจีเรียจะลดลง ขณะที่การบริโภคข้าวโลกมีประมาณ 482.9 ล้านตัน สูงกว่าผลผลิตข้าวโลก 7.7 ล้านตัน จึงคาดว่าการค้าข้าวโลกจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ประมาณ 41.92 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ซึ่งมีประมาณ 41.88 ล้านตัน เนื่องจากประเทศผู้นำเข้าหลายประเทศต้องการนำเข้าข้าวมากขึ้น โดยเฉพาะจีนคาดว่าจะนำเข้า 4.0 ล้านตัน ไนจีเรีย 3.5 ล้านตัน อิหร่าน และฟิลิปปินส์ประเทศละ 1.7 ล้านตัน
สำหรับผลผลิตข้าวโลกที่คาดว่าจะลดลงปี 2558 ทำให้ไทยมีโอกาสระบายข้าวทั้งผลผลิตปี 2557/2558 และข้าวในสต๊อกรัฐบาลได้มากขึ้น และคาดว่าไทยจะยังคงส่งออกข้าวมากที่สุดของโลกที่ประมาณ 10.0-11.0 ล้านตัน สำหรับปีนี้กระทรวงพาณิชย์วางแนวทางที่จะร่วมกับภาคเอกชนขยายตลาด และรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดข้าวไทยกับประเทศผู้นำเข้าข้าวหลักในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยให้ความสำคัญกับผู้ซื้อแต่ละภูมิภาคที่มีความต้องการหลากหลาย ซึ่งข้าวไทยมีความพร้อมที่จะสนองความต้องการในทุกรูปแบบ ในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และบังกลาเทศ ส่วนใหญ่ต้องการนำเข้าข้าวหอมมะลิไทย ข้าวเหนียว ข้าวขาว และข้าวนึ่ง ภูมิภาคแอฟริกา ได้แก่ แอฟริกาใต้ เซเนกัล โกตดิ วัวร์ มอริตาเนีย แคเมอรูน และกานา ส่วนใหญ่ต้องการนำเข้าข้าวนึ่ง ข้าวขาว และปลายข้าวหอมมะลิไทย ภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้แก่ อิหร่าน อิรัก และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ต้องการนำเข้าข้าวขาวคุณภาพดี ภูมิภาคยุโรปและอเมริกา ได้แก่ สหรัฐ แคนาดา เนเธอร์แลนด์ อิตาลี ฝรั่งเศส และประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (EC-27) ต้องการนำเข้าข้าวหอมมะลิไทย ข้าวอินทรีย์ และข้าวลักษณะพิเศษที่มีคุณค่าโภชนาการสูง
ทั้งนี้ ในปี 2558 คาดว่าแนวโน้มการค้าข้าวทั้งของโลกและของไทยจะขยายตัวมากขึ้น ผลผลิตข้าวโลกจะมีประมาณ 475.2 ล้านตัน ลดลงจากปีนี้ซึ่งมีประมาณ 476.9 ล้านตัน ร้อยละ 0.3 เนื่องจากผลผลิตข้าวของไทย อินเดีย ญี่ปุ่น ปากีสถาน อียิปต์ ศรีลังกา และไนจีเรียจะลดลง ขณะที่การบริโภคข้าวโลกมีประมาณ 482.9 ล้านตัน สูงกว่าผลผลิตข้าวโลก 7.7 ล้านตัน จึงคาดว่าการค้าข้าวโลกจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ประมาณ 41.92 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ซึ่งมีประมาณ 41.88 ล้านตัน เนื่องจากประเทศผู้นำเข้าหลายประเทศต้องการนำเข้าข้าวมากขึ้น โดยเฉพาะจีนคาดว่าจะนำเข้า 4.0 ล้านตัน ไนจีเรีย 3.5 ล้านตัน อิหร่าน และฟิลิปปินส์ประเทศละ 1.7 ล้านตัน
สำหรับผลผลิตข้าวโลกที่คาดว่าจะลดลงปี 2558 ทำให้ไทยมีโอกาสระบายข้าวทั้งผลผลิตปี 2557/2558 และข้าวในสต๊อกรัฐบาลได้มากขึ้น และคาดว่าไทยจะยังคงส่งออกข้าวมากที่สุดของโลกที่ประมาณ 10.0-11.0 ล้านตัน สำหรับปีนี้กระทรวงพาณิชย์วางแนวทางที่จะร่วมกับภาคเอกชนขยายตลาด และรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดข้าวไทยกับประเทศผู้นำเข้าข้าวหลักในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยให้ความสำคัญกับผู้ซื้อแต่ละภูมิภาคที่มีความต้องการหลากหลาย ซึ่งข้าวไทยมีความพร้อมที่จะสนองความต้องการในทุกรูปแบบ ในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และบังกลาเทศ ส่วนใหญ่ต้องการนำเข้าข้าวหอมมะลิไทย ข้าวเหนียว ข้าวขาว และข้าวนึ่ง ภูมิภาคแอฟริกา ได้แก่ แอฟริกาใต้ เซเนกัล โกตดิ วัวร์ มอริตาเนีย แคเมอรูน และกานา ส่วนใหญ่ต้องการนำเข้าข้าวนึ่ง ข้าวขาว และปลายข้าวหอมมะลิไทย ภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้แก่ อิหร่าน อิรัก และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ต้องการนำเข้าข้าวขาวคุณภาพดี ภูมิภาคยุโรปและอเมริกา ได้แก่ สหรัฐ แคนาดา เนเธอร์แลนด์ อิตาลี ฝรั่งเศส และประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (EC-27) ต้องการนำเข้าข้าวหอมมะลิไทย ข้าวอินทรีย์ และข้าวลักษณะพิเศษที่มีคุณค่าโภชนาการสูง