ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า หลังอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้ส่งผลการวินิจฉัยการเจรจาไกล่เกลี่ยคดีจัดซื้อรถและเรือ พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย มูลค่า 6,687 ล้านบาท ระหว่าง กทม.และบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จำกัด ประเทศออสเตรีย มาให้ กทม.แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการแปลเอกสารคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ จากนั้น กทม.จะส่งรายงานผลคำตัดสินไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักอัยการสูงสุด และกระทรวงมหาดไทย แล้วจะสามารถแจ้งผลให้ทราบ ทั้งนี้ กระบวนการทางกฎหมายถือว่าสิ้นสุดแล้ว
ทั้งนี้ กทม.ได้นำเรื่องดังกล่าวยื่นฟ้องบริษัทสไตเออร์ฯ เพื่อเพิกถอนสัญญาซื้อขายรถ และเรือดับเพลิง และเรียกเงินที่จ่ายไปคืนทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่าการทำสัญญาจัดซื้อมีการทุจริตเป็นการกีดกันทางการค้า และการเสนอราคาอย่างไม่เป็นธรรม โดยยื่นฟ้องไปตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งได้ดำเนินการเจรจาตามขั้นตอนของอนุญาโตตุลาการฯ เป็นเวลา 5 ปี ได้ผลการพิจารณาเป็นที่สุดว่า บริษัทสไตเออร์ฯ ยินยอมจ่ายเงินให้ กทม.เป็นเงิน 20.5 ล้านยูโร (หรือประมาณ 800ล้านบาท)
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการแปลเอกสารคำตัดสินที่มีรายละเอียดที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก จึงยังไม่ขอกล่าวอะไร เพราะให้อธิบายในเวลาสั้นคงตอบได้ไม่หมด จะขอแถลงข่าวทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายทราบ และให้ซักถามคำถามที่ครั้งเดียวจบ ส่วนจะกำหนดแถลงข่าวเมื่อใดยังไม่สามารถตอบได้
ส่วนผลคำตัดสินที่ออกมาเช่นนี้ถือว่า ล้มเหลวหรือไม่กับความพยายามเกือบ 5 ปี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ยังไม่ขอตอบว่าล้มเหลวหรือสำเร็จ เพราะตนเองและทีมงานได้ทำอย่างเต็มที่ ขอให้อดใจรอการแปลคำตัดสินเป็นภาษาไทยก่อนจึงจะทราบว่า ผลที่ได้คุ้มกับที่เหนื่อยไปหรือไม่ ซึ่งหลังแปลและรวบรวมเอกสารทั้งหมด ตามกระบวนการ กทม.จะต้องส่งรายงานผลคำตัดสินไปยัง ป.ป.ช. สำนักอัยการสูงสุด และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจึงจะสามารถแถลงข่าวแจ้งให้สื่อมวลชนทราบต่อไป
ทั้งนี้ กทม.ได้นำเรื่องดังกล่าวยื่นฟ้องบริษัทสไตเออร์ฯ เพื่อเพิกถอนสัญญาซื้อขายรถ และเรือดับเพลิง และเรียกเงินที่จ่ายไปคืนทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่าการทำสัญญาจัดซื้อมีการทุจริตเป็นการกีดกันทางการค้า และการเสนอราคาอย่างไม่เป็นธรรม โดยยื่นฟ้องไปตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งได้ดำเนินการเจรจาตามขั้นตอนของอนุญาโตตุลาการฯ เป็นเวลา 5 ปี ได้ผลการพิจารณาเป็นที่สุดว่า บริษัทสไตเออร์ฯ ยินยอมจ่ายเงินให้ กทม.เป็นเงิน 20.5 ล้านยูโร (หรือประมาณ 800ล้านบาท)
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการแปลเอกสารคำตัดสินที่มีรายละเอียดที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก จึงยังไม่ขอกล่าวอะไร เพราะให้อธิบายในเวลาสั้นคงตอบได้ไม่หมด จะขอแถลงข่าวทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายทราบ และให้ซักถามคำถามที่ครั้งเดียวจบ ส่วนจะกำหนดแถลงข่าวเมื่อใดยังไม่สามารถตอบได้
ส่วนผลคำตัดสินที่ออกมาเช่นนี้ถือว่า ล้มเหลวหรือไม่กับความพยายามเกือบ 5 ปี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ยังไม่ขอตอบว่าล้มเหลวหรือสำเร็จ เพราะตนเองและทีมงานได้ทำอย่างเต็มที่ ขอให้อดใจรอการแปลคำตัดสินเป็นภาษาไทยก่อนจึงจะทราบว่า ผลที่ได้คุ้มกับที่เหนื่อยไปหรือไม่ ซึ่งหลังแปลและรวบรวมเอกสารทั้งหมด ตามกระบวนการ กทม.จะต้องส่งรายงานผลคำตัดสินไปยัง ป.ป.ช. สำนักอัยการสูงสุด และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจึงจะสามารถแถลงข่าวแจ้งให้สื่อมวลชนทราบต่อไป