การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.วันนี้ (8 ม.ค.) โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม ที่ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เสนอหลักการและเหตุผล ว่า มีความจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องต่อสภาพการณ์ในปัจจุบัน และสมควรให้ตำแหน่งตุลาการพระธรรมนูญ และอัยการทหารได้รับเงินเพิ่มให้สมเกียรติ
สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว คือ การกำหนดให้ตุลาการพระธรรมนูญ และอัยการทหาร เป็นตำแหน่งเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ให้ตุลาการพระธรรมนูญ และอัยการทหาร ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง เพื่อให้ดำรงตนอยู่ในความยุติธรรมอย่างสมเกียรติ โดยเปรียบเทียบกับค่าตอบแทนและเงินประจำตำแหนงของผู้พิพากษา หรือตุลาการศาลอื่น และพนักงานอัยการ แล้วแต่กรณี โดยให้เป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงกลาโหมกำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
นอกจากนี้ ยังบัญญัติให้ในกรณีที่ศาลอาญาศึกพิพากษาประหารชีวิตผู้หญิง โดยถ้าเป็นผู้หญิงที่มีครรภ์อยู่ จะต้องรอไว้จนพ้นกำหนด 3 ปี นับตั้งแต่คลอดบุตร แล้วให้ลดโทษประหารชีวิตลงเหลือจำคุกตลอดชีวิต
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบรับหลักการวาระแรก ด้วยคะแนน 189 ต่อ 1 พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 15 คน เพื่อพิจารณาภายใน 7 วัน
สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว คือ การกำหนดให้ตุลาการพระธรรมนูญ และอัยการทหาร เป็นตำแหน่งเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ให้ตุลาการพระธรรมนูญ และอัยการทหาร ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง เพื่อให้ดำรงตนอยู่ในความยุติธรรมอย่างสมเกียรติ โดยเปรียบเทียบกับค่าตอบแทนและเงินประจำตำแหนงของผู้พิพากษา หรือตุลาการศาลอื่น และพนักงานอัยการ แล้วแต่กรณี โดยให้เป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงกลาโหมกำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
นอกจากนี้ ยังบัญญัติให้ในกรณีที่ศาลอาญาศึกพิพากษาประหารชีวิตผู้หญิง โดยถ้าเป็นผู้หญิงที่มีครรภ์อยู่ จะต้องรอไว้จนพ้นกำหนด 3 ปี นับตั้งแต่คลอดบุตร แล้วให้ลดโทษประหารชีวิตลงเหลือจำคุกตลอดชีวิต
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบรับหลักการวาระแรก ด้วยคะแนน 189 ต่อ 1 พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 15 คน เพื่อพิจารณาภายใน 7 วัน