ร.อ. น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ว่า พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีกรณีที่ประเทศไทยถูกตัดสิทธิทางศุลกากรตามโครงการสิทธิพิเศษศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ จีเอสพี (GSP) ในทุกรายการสินค้า จำนวน 773 รายการ จากสหภาพยุโรป (อียู) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เนื่องจากธนาคารโลกได้จัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูงติดต่อกันเป็นเวลามากกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2554-2556
นอกจากนี้ ยังมีประเทศอื่นๆ ที่เสียสิทธิ GSP อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน เอกวาดอร์ และมัลดีฟส์ โดยผลกระทบจากการเสียสิทธิดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการไทยมากนัก เนื่องจากประเทศคู่แข่งในตลาดอียูก็โดนตัดสิทธิเช่นเดียวกัน อีกทั้งการรจัดเก็บภาษีจะจัดเก็บในระดับต่ำ และสินค้าไทยในหลายรายการยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดยุโรป ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการไทย ให้เข้าใจถึงระเบียบวิธีปฏิบัติใหม่ในการส่งออกไปยังตลาดยุโรปแล้ว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า การตัดสิทธิครั้งนี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของอียู ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการเมืองของประเทศไทยกับสมาชิก
นอกจากนี้ ยังมีประเทศอื่นๆ ที่เสียสิทธิ GSP อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน เอกวาดอร์ และมัลดีฟส์ โดยผลกระทบจากการเสียสิทธิดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการไทยมากนัก เนื่องจากประเทศคู่แข่งในตลาดอียูก็โดนตัดสิทธิเช่นเดียวกัน อีกทั้งการรจัดเก็บภาษีจะจัดเก็บในระดับต่ำ และสินค้าไทยในหลายรายการยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดยุโรป ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการไทย ให้เข้าใจถึงระเบียบวิธีปฏิบัติใหม่ในการส่งออกไปยังตลาดยุโรปแล้ว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า การตัดสิทธิครั้งนี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของอียู ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการเมืองของประเทศไทยกับสมาชิก