พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จนถึงปัจจุบัน มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) 16 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เลย เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ น่าน อุตรดิตถ์ เชียงราย นครพนม พะเยา สกลนคร หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ ขอนแก่น พิษณุโลก ลำปาง และบึงกาฬ รวม 153 อำเภอ พร้อมสั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานจังหวัด ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว กำหนดแนวทางการจัดสรรเครื่องนุ่งห่มกันหนาวอย่างทั่วถึง โดยคำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยเป็นหลัก รวมถึงกำหนดมาตรการป้องกันภัยในช่วงฤดูหนาว ทั้งอัคคีภัย ไฟป่า หมอกควัน โรคภัยไข้เจ็บ อุบัติเหตุทางถนนในช่วงหมอกลงจัด และอุบัติภัยจากการท่องเที่ยว
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ได้ประสานจังหวัดจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาว ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว พร้อมขอให้ประชาชนเตรียมรับสถานการณ์ภัยในช่วงฤดูหนาว โดยเพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับการใช้ไฟเป็นพิเศษ เพราะช่วงฤดูหนาวมีสภาพอากาศแห้ง ลมพัดแรง เมื่อเกิดเพลิงไหม้ไฟจะลุกลามอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเปิดไฟหน้ารถ ไฟตัดหมอก ไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุในช่วงหมอกปกคลุมเส้นทาง ตลอดจนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ สร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย เพื่อป้องกันโรคที่มักเกิดขึ้นในช่วงสภาพอากาศหนาวเย็น
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ได้ประสานจังหวัดจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาว ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว พร้อมขอให้ประชาชนเตรียมรับสถานการณ์ภัยในช่วงฤดูหนาว โดยเพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับการใช้ไฟเป็นพิเศษ เพราะช่วงฤดูหนาวมีสภาพอากาศแห้ง ลมพัดแรง เมื่อเกิดเพลิงไหม้ไฟจะลุกลามอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเปิดไฟหน้ารถ ไฟตัดหมอก ไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุในช่วงหมอกปกคลุมเส้นทาง ตลอดจนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ สร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย เพื่อป้องกันโรคที่มักเกิดขึ้นในช่วงสภาพอากาศหนาวเย็น