พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 7 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล เตรียมพร้อมรับมือป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย คลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 4 - 6 มกราคม โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยจากภาวะฝนตกหนัก จัดชุดเคลื่อนที่เร็วและเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมเผชิญเหตุ ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า พายุชังมี มีศูนย์กลางอยู่บริเวณหัวเกาะบอร์เนียว มีแนวโน้มอ่อนกำลังลงและเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 4-6 มกราคมนี้ ภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลงไป มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ประกอบกับหลายพื้นที่ของภาคใต้ประสบปัญหาอุทกภัยและมีปริมาณน้ำสะสมจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดอันตรายจากฝนตกสะสมและคลื่นลมแรงซัดเข้าหาฝั่งได้
ขณะที่นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย 7 จังหวัดดังกล่าว ให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือน อย่างเคร่งครัด รวมถึงหมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติจะได้อพยพหนีภัยทัน ทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม และคลื่นลมแรง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า พายุชังมี มีศูนย์กลางอยู่บริเวณหัวเกาะบอร์เนียว มีแนวโน้มอ่อนกำลังลงและเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 4-6 มกราคมนี้ ภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลงไป มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ประกอบกับหลายพื้นที่ของภาคใต้ประสบปัญหาอุทกภัยและมีปริมาณน้ำสะสมจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดอันตรายจากฝนตกสะสมและคลื่นลมแรงซัดเข้าหาฝั่งได้
ขณะที่นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย 7 จังหวัดดังกล่าว ให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือน อย่างเคร่งครัด รวมถึงหมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติจะได้อพยพหนีภัยทัน ทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม และคลื่นลมแรง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
