เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ที่วัดชัยพฤกษมาลาราชวรวิหาร ถนนชัยพฤกษ์ แขวงและเขตตลิ่งชัน กทม. นายประเสริฐ กรัดแก้ว อายุ 60 ปี รองประธานชุมชนชัยพฤกษมาลา เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วง 22.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค. เกิดเหตุการณ์ปัญหาความขัดแย้งระหว่างพระปริยัติวโรปการ เจ้าอาวาสวัดชัยพฤกษมาลาราชวรวิหาร กับชาวบ้านในชุมชน และชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง เพราะได้รับความเดือดร้อนจากการปิดประตูเข้าออก บริเวณด้านหลังวัด จนทำให้ชาวบ้านฝั่งตลิ่งชัน และบางกรวยไม่สามารถข้ามมายังอีกฝั่งได้ โดยหากต้องการจะข้ามฝั่งก็ต้องเสียค่าที่ และค่ากุญแจกับทางวัดเป็นจำนวนเงิน 400 บาทต่อเดือน และยังเก็บค่าเช่ารถยนต์ที่มาจอดพื้นที่วัดด้วย ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่พระปริยัติวโรปการ จะเข้ามาดูแล ชาวบ้านไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
นายประเสริฐ ยังกล่าวอีกว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าไกล่เกลี่ยและนัดหารือเจรจาหาทางออกร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลานัดเจ้าอาวาสพร้อมกับลูกวัดรวม 5 องค์ ได้แอบหนีออกไปตั้งแต่เช้ามืด โดยที่ชาวบ้านเดินทางมาร่วมกันประท้วงขับไล่ ยังระบุว่ามีอีกหลายปัญหาที่ก่อความเดือดร้อนเกิดจากเจ้าอาวาส มาเป็นเวลานาน เช่นกรณีไม่ต่อสัญญาเช่าที่ดินของวัด ซึ่งได้ปลูกเป็นบ้านเรือนตั้งแต่ปี พ.ศ.2481 โดยให้ทนายความของวัดฟ้องขับไล่ที่ ให้ชาวบ้านย้ายออกไปจากพื้นที่ เนื่องจากวัดกำลังจะใช้ที่ดินทำโครงการต่างๆ เช่น ตลาดน้ำ และป้ายทางเข้าวัดที่มีขนาดใหญ่ จนต้องรื้อบ้านเรือนออกไปจากพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการประชุมเจรจาระหว่างพระลูกวัด 1 รูป และ นายประเสริฐ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 9 จำนวนหนึ่งมาคอยดูแลความปลอดภัย โดยใช้เวลาร่วม 5 ชั่วโมงแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากชาวบ้านต้องการคุยกับพระปริยัติวโรปการ แต่ไม่มีผู้ใดติดต่อเจ้าอาวาสองค์ดังกล่าวได้ ทำให้ยังมีชาวบ้านกว่า 200 คน ยังปักหลักรอในบริเวณวัดต่อไป อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้มีการเรียกเจรจาจากเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจหลายครั้งแล้วแต่เจ้าอาวาสเลือกที่จะไม่เข้ามาพูดคุยหรือเจรจาถึงปัญหาแต่อย่างใด
นายประเสริฐ ยังกล่าวอีกว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าไกล่เกลี่ยและนัดหารือเจรจาหาทางออกร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลานัดเจ้าอาวาสพร้อมกับลูกวัดรวม 5 องค์ ได้แอบหนีออกไปตั้งแต่เช้ามืด โดยที่ชาวบ้านเดินทางมาร่วมกันประท้วงขับไล่ ยังระบุว่ามีอีกหลายปัญหาที่ก่อความเดือดร้อนเกิดจากเจ้าอาวาส มาเป็นเวลานาน เช่นกรณีไม่ต่อสัญญาเช่าที่ดินของวัด ซึ่งได้ปลูกเป็นบ้านเรือนตั้งแต่ปี พ.ศ.2481 โดยให้ทนายความของวัดฟ้องขับไล่ที่ ให้ชาวบ้านย้ายออกไปจากพื้นที่ เนื่องจากวัดกำลังจะใช้ที่ดินทำโครงการต่างๆ เช่น ตลาดน้ำ และป้ายทางเข้าวัดที่มีขนาดใหญ่ จนต้องรื้อบ้านเรือนออกไปจากพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการประชุมเจรจาระหว่างพระลูกวัด 1 รูป และ นายประเสริฐ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 9 จำนวนหนึ่งมาคอยดูแลความปลอดภัย โดยใช้เวลาร่วม 5 ชั่วโมงแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากชาวบ้านต้องการคุยกับพระปริยัติวโรปการ แต่ไม่มีผู้ใดติดต่อเจ้าอาวาสองค์ดังกล่าวได้ ทำให้ยังมีชาวบ้านกว่า 200 คน ยังปักหลักรอในบริเวณวัดต่อไป อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้มีการเรียกเจรจาจากเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจหลายครั้งแล้วแต่เจ้าอาวาสเลือกที่จะไม่เข้ามาพูดคุยหรือเจรจาถึงปัญหาแต่อย่างใด