ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า คาดว่าคณะทำงานคงไม่สามารถหาข้อสรุปได้ทันในปลายปีนี้ เนื่องจากคณะทำงานฯ ไม่สามารถนัดประชุมครั้งสุดท้ายได้ทันภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะมีการประชุมนัดสุดท้ายประมาณต้นปี 2558 โดยได้กำหนดวันนัดหารือเบื้องต้นไว้ในวันที่ 7 หรือ 14 ธันวาคม ขึ้นอยู่กับฝ่าย อสส.จะสะดวกในวันใด
ส่วนการไต่สวนการทุจริตการซื้อขายข้าวแบบจีทูจีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เร่งรัดให้นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าวเร่งสรุปข้อเท็จจริงคดีนี้ภายในสิ้นปีนี้ แต่คาดว่า ป.ป.ช.คงจะลงมติตัดสินได้ไม่ทันภายในสิ้นปี น่าจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ลงมติได้ในช่วงประมาณต้นปี 2558 มากกว่า
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าการไต่สวนการถอดถอนอดีต ส.ส.จำนวน 268 คน กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว.โดยมิชอบ ข้อเท็จจริงต่างๆ ใกล้ได้ข้อยุติแล้ว คาดว่า ป.ป.ช.จะลงมติคดีดังกล่าวได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเป็นการลงมติสรุปผลภายในครั้งเดียวจะไม่ทยอยชี้มูลความผิด ซึ่งนอกจากจะมีคดีถอดถอนแล้วจะลงมติพิจารณาคดีอาญาด้วย เนื่องจากมี ส.ส.บางคนมีพฤติการณ์เสียบบัตรแทนกัน ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
ส่วนการไต่สวนการทุจริตการซื้อขายข้าวแบบจีทูจีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เร่งรัดให้นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าวเร่งสรุปข้อเท็จจริงคดีนี้ภายในสิ้นปีนี้ แต่คาดว่า ป.ป.ช.คงจะลงมติตัดสินได้ไม่ทันภายในสิ้นปี น่าจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ลงมติได้ในช่วงประมาณต้นปี 2558 มากกว่า
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าการไต่สวนการถอดถอนอดีต ส.ส.จำนวน 268 คน กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว.โดยมิชอบ ข้อเท็จจริงต่างๆ ใกล้ได้ข้อยุติแล้ว คาดว่า ป.ป.ช.จะลงมติคดีดังกล่าวได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเป็นการลงมติสรุปผลภายในครั้งเดียวจะไม่ทยอยชี้มูลความผิด ซึ่งนอกจากจะมีคดีถอดถอนแล้วจะลงมติพิจารณาคดีอาญาด้วย เนื่องจากมี ส.ส.บางคนมีพฤติการณ์เสียบบัตรแทนกัน ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157