นายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาหลบหนีคดีตาม ป.อาญา มาตรา 112 โพสต์ข้อความ และรูปภาพลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาเปิดเผยชีวิตหลังหนีออกจากประเทศไทย และเข้าไปกบดานอยู่ในประเทศกัมพูชา
ซึ่งนายเอกภพ ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาเป็นระยะว่าตนหลบหนีไปกบดานอยู่ทั้งสหรัฐอเมริกา แคนาดา และอังกฤษ รวมถึงการได้วีซ่าขออยู่อาศัยถาวรของประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเพียงการสับขาหลอก เพื่อไม่ให้คนรู้ที่อยู่จริง เนื่องจากปัจจุบันต้องหนีตายจากการตามล่าจากรัฐบาลไทยและฝ่ายเดียวกัน ซึ่งล่าสุดได้หลบหนีออกจากกัมพูชา โดยการแอบขึ้นเรือโดยสารจากท่าเรือสีหนุวิลล์ของกัมพูชาไปประเทศฟิลิปปินส์ เพราะ คสช.จับลูกเมียของเพื่อนชาวกัมพูชาเป็นตัวประกัน เพื่อแลกเปลี่ยนตัวกับตน
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า โลกโซเชียลมีเดียนั้นไม่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลที่โพสต์ข้อความต่างๆ เป็นตัวของนายเอกภพจริงหรือไม่ แต่จากรายละเอียดของข้อความนั้นก็เป็นเรื่องปกติของคนที่ต้องการเคลื่อนไหวให้คนสนใจ
ทั้งนี้ในมุมมองของกฎหมายการติดตามตัวนายเอกภพกลับมาดำเนินคดี จะต้องให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นผู้ดำเนินการกับทางฟิลิปปินส์ แต่ต้องเข้าใจว่าแต่ละประเทศนั้นมีกฎหมายที่แตกต่างกัน เพราะนายเอกภพได้ทำผิดในกฎหมายของไทย ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ต้องขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆ ด้วย อีกทั้งมีความพยายามบิดเบือนให้เป็นเรื่องการเมือง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ แต่เป็นความผิดในกฎหมายไทยที่คนทั่วประเทศให้ความเคารพ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าที่ผ่านมา คสช.ไม่ได้ไปไล่ล่านายเอกภพ และจับเพื่อนนายเอกภพเป็นตัวประกันอย่างที่นายเอกภพกล่าวอ้าง เป็นเพียงการจุดประเด็นของนายเอกภพเท่านั้น
ซึ่งนายเอกภพ ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาเป็นระยะว่าตนหลบหนีไปกบดานอยู่ทั้งสหรัฐอเมริกา แคนาดา และอังกฤษ รวมถึงการได้วีซ่าขออยู่อาศัยถาวรของประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเพียงการสับขาหลอก เพื่อไม่ให้คนรู้ที่อยู่จริง เนื่องจากปัจจุบันต้องหนีตายจากการตามล่าจากรัฐบาลไทยและฝ่ายเดียวกัน ซึ่งล่าสุดได้หลบหนีออกจากกัมพูชา โดยการแอบขึ้นเรือโดยสารจากท่าเรือสีหนุวิลล์ของกัมพูชาไปประเทศฟิลิปปินส์ เพราะ คสช.จับลูกเมียของเพื่อนชาวกัมพูชาเป็นตัวประกัน เพื่อแลกเปลี่ยนตัวกับตน
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า โลกโซเชียลมีเดียนั้นไม่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลที่โพสต์ข้อความต่างๆ เป็นตัวของนายเอกภพจริงหรือไม่ แต่จากรายละเอียดของข้อความนั้นก็เป็นเรื่องปกติของคนที่ต้องการเคลื่อนไหวให้คนสนใจ
ทั้งนี้ในมุมมองของกฎหมายการติดตามตัวนายเอกภพกลับมาดำเนินคดี จะต้องให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นผู้ดำเนินการกับทางฟิลิปปินส์ แต่ต้องเข้าใจว่าแต่ละประเทศนั้นมีกฎหมายที่แตกต่างกัน เพราะนายเอกภพได้ทำผิดในกฎหมายของไทย ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ต้องขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆ ด้วย อีกทั้งมีความพยายามบิดเบือนให้เป็นเรื่องการเมือง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ แต่เป็นความผิดในกฎหมายไทยที่คนทั่วประเทศให้ความเคารพ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าที่ผ่านมา คสช.ไม่ได้ไปไล่ล่านายเอกภพ และจับเพื่อนนายเอกภพเป็นตัวประกันอย่างที่นายเอกภพกล่าวอ้าง เป็นเพียงการจุดประเด็นของนายเอกภพเท่านั้น