นายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกิดปัญหายาเสพติดแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานไทยที่ทำงานในประเทศอิสราเอล โดยพบว่าขณะนี้มีแรงงานไทยที่เสพยาบ้า ประมาณ 15,000 คน จากจำนวนแรงงานไทยในอิสราเอลทั้งหมด 27,000 คน ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เพราะนอกจากจะส่งผลกระทบทางด้านสุขภาพของแรงงานไทยแล้ว หากแรงงานไทยมีอาการคลุ้มคลั่งและก่อเหตุร้าย ก็อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอิสราเอลด้วย
นอกจากนี้ ยังพบว่าการซื้อขายยาบ้าในกลุ่มแรงงานไทยที่อิสราเอลอยู่ที่ราคาเม็ดละ 1,500-2,000 บาท สูงกว่าราคาในไทยถึง 10 เท่า สำหรับสาเหตุส่วนใหญ่ที่แรงงานไทยเสพยาบ้าคือเพื่อผ่อนคลาย แก้เหงา และให้ทำงานได้มากขึ้น ทั้งนี้ หากแรงงานไทยเสพยาบ้าคนละ 2 ต่อวัน อาจจะทำให้สูญรายได้เข้าประเทศไทยประมาณปีละ 40,000 - 50,000 ล้านบาท ซึ่งสวนทางกับรายได้ที่แรงงานไทยส่งกลับบ้าน รวมปีละ 10,000 ล้านบาทเท่านั้น
ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงเห็นควรให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาแก้ไขปัญหาเกิดขึ้น โดยมีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นหน่วยงานหลัก ทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (มหาชน)
นอกจากนี้ ยังพบว่าการซื้อขายยาบ้าในกลุ่มแรงงานไทยที่อิสราเอลอยู่ที่ราคาเม็ดละ 1,500-2,000 บาท สูงกว่าราคาในไทยถึง 10 เท่า สำหรับสาเหตุส่วนใหญ่ที่แรงงานไทยเสพยาบ้าคือเพื่อผ่อนคลาย แก้เหงา และให้ทำงานได้มากขึ้น ทั้งนี้ หากแรงงานไทยเสพยาบ้าคนละ 2 ต่อวัน อาจจะทำให้สูญรายได้เข้าประเทศไทยประมาณปีละ 40,000 - 50,000 ล้านบาท ซึ่งสวนทางกับรายได้ที่แรงงานไทยส่งกลับบ้าน รวมปีละ 10,000 ล้านบาทเท่านั้น
ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงเห็นควรให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาแก้ไขปัญหาเกิดขึ้น โดยมีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นหน่วยงานหลัก ทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (มหาชน)