นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) เปิดเผยถึงกรอบการอภิปรายของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อพิจารณาประเด็นความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 15 -17 ธันวาคมนี้ ว่าจากการหารือร่วมกับนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.และ น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธาน สปช.คนที่ 2 ถึงกรอบการอภิปรายได้ข้อสรุปเบื้องต้น คือจะให้ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูป ทั้ง 18 คณะ นำเสนอรายงาน คณะละ 30 นาที จากนั้นจะเป็นเวลาที่ให้สมาชิก สปช. อภิปรายและแสดงความเห็น โดยสมาชิก สปช.1 คน สามารถอภิปรายเนื้อหาสาระในกรรมาธิการปฏิรูปได้ไม่เกินคนละ 2 คณะ ส่วนผู้อภิปรายจะได้เวลาอภิปรายคนละกี่นาที จะสรุปอีกครั้งภายในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ เพราะต้องพิจารณาจำนวนผู้ที่ประสงค์จะอภิปรายในแต่ละประเด็นและเวลาที่จะจัดสรรให้กมธ.ปฏิรูปแต่ละคณะด้วย สำหรับระยะเวลาอภิปรายได้วางกรอบ คือ วันจะเริ่มประชุมเวลา 09.30 และเลิกประชุมในเวลา 19.30 น. คิดเป็นเวลารวมทั้งสิ้น 29 ชั่วโมง
นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรอบการอภิปรายคาดว่าจะมีกรรมาธิการปฏิรูป 5 คณะ ได้แก่ กรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน กรรมาธิการปฏิรูปการเมือง กรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมกรรมาธิการปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น และกรรมาธิการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน ที่มีเนื้อหา และสาระสำคัญจำนวนมาก และคาดว่าจะมีผู้แสดงความจำนงอภิปรายและแสดงความเห็นจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้น ทั้ง 5 คณะดังกล่าวอาจได้รับการจัดสรรเวลาอภิปรายมากกว่าคณะอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปดังกล่าวนั้นตนจะนำเข้าสู่ที่ประชุม กมธ.วิสามัญกิจการ สปช. ในวันที่ 12 ธันวาคม เพื่อให้กรรมาธิการและประธานกรรมาธิการปฏิรูปทั้ง 18 คณะพิจารณาอีกครั้ง หากได้รับความเห็นชอบจะประกาศให้ผู้ที่ประสงค์จะอภิปรายในประเด็นที่สนใจลงชื่อเพื่อแสดงเจตจำนงต่อกรรมการที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรอบการอภิปรายคาดว่าจะมีกรรมาธิการปฏิรูป 5 คณะ ได้แก่ กรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน กรรมาธิการปฏิรูปการเมือง กรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมกรรมาธิการปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น และกรรมาธิการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน ที่มีเนื้อหา และสาระสำคัญจำนวนมาก และคาดว่าจะมีผู้แสดงความจำนงอภิปรายและแสดงความเห็นจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้น ทั้ง 5 คณะดังกล่าวอาจได้รับการจัดสรรเวลาอภิปรายมากกว่าคณะอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปดังกล่าวนั้นตนจะนำเข้าสู่ที่ประชุม กมธ.วิสามัญกิจการ สปช. ในวันที่ 12 ธันวาคม เพื่อให้กรรมาธิการและประธานกรรมาธิการปฏิรูปทั้ง 18 คณะพิจารณาอีกครั้ง หากได้รับความเห็นชอบจะประกาศให้ผู้ที่ประสงค์จะอภิปรายในประเด็นที่สนใจลงชื่อเพื่อแสดงเจตจำนงต่อกรรมการที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง