นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เชื่อว่า หากรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยากสร้างบรรยากาศปรองดองบนพื้นฐานของการให้อภัยและมีเมตตาต่อกันจำเป็นที่จะต้องสนับสนุนให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ผู้ที่กระทำผิดในคดีทางการเมือง ส่วนจะออกกฎหมายในรูปแบบใด จะเริ่มนิรโทษกรรมตั้งแต่ช่วงปีไหนนั้นก็ว่ากันไป ฃ
ทั้งนี้ หากจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่กระทำผิดเล็กๆ น้อยๆ อาทิ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมฯ แต่ไม่รวมผู้ที่กระทำผิดในคดีอาญา เช่น คดีปิดสนามบิน คดีเผาศาลากลางจังหวัด ตนมองว่าปัญหาไม่มีทางจบ ต้องยอมรับว่าผู้ที่กระทำผิดในคดีเหล่านี้ เพราะมีแรงกระตุ้นจากความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้น หากอยากให้เรื่องจบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รวมทั้งกรรมาธิการยกร่างฯ ต้องทำใจ อย่าไปจำแนกประเภทของผู้ที่ควรได้รับการนิรโทษกรรม แต่ถ้าจะไม่นับรวมกับพวกที่กระทำผิดในคดีหมิ่นตามมาตรา 112 สามารถแยกต่างหากได้ หากอยากให้เกิดการปรองดองกันจริงๆ อย่าใจแคบ และขอให้เลิกพูดกันเสียทีว่าจะไม่นิรโทษกรรมให้กับแกนนำ ทุกฝ่ายต้องทำใจยอมรับ มาเริ่มต้นกันใหม่ และต้องดูแลรวมทั้งเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมในช่วงที่ผ่านมาด้วย
ทั้งนี้ หากจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่กระทำผิดเล็กๆ น้อยๆ อาทิ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมฯ แต่ไม่รวมผู้ที่กระทำผิดในคดีอาญา เช่น คดีปิดสนามบิน คดีเผาศาลากลางจังหวัด ตนมองว่าปัญหาไม่มีทางจบ ต้องยอมรับว่าผู้ที่กระทำผิดในคดีเหล่านี้ เพราะมีแรงกระตุ้นจากความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้น หากอยากให้เรื่องจบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รวมทั้งกรรมาธิการยกร่างฯ ต้องทำใจ อย่าไปจำแนกประเภทของผู้ที่ควรได้รับการนิรโทษกรรม แต่ถ้าจะไม่นับรวมกับพวกที่กระทำผิดในคดีหมิ่นตามมาตรา 112 สามารถแยกต่างหากได้ หากอยากให้เกิดการปรองดองกันจริงๆ อย่าใจแคบ และขอให้เลิกพูดกันเสียทีว่าจะไม่นิรโทษกรรมให้กับแกนนำ ทุกฝ่ายต้องทำใจยอมรับ มาเริ่มต้นกันใหม่ และต้องดูแลรวมทั้งเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมในช่วงที่ผ่านมาด้วย
