รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ได้มีมือมืดนำสีสเปรย์มาพ่นเป็นข้อความว่า "No coup" หรือการต่อต้านรัฐประหาร บริเวณพื้นถนนหน้าตึกนิติศาสตร์ใหม่ และถนนหน้าตึกคณะสังคมศาสตร์ รวมถึงบริเวณถนนระหว่าง หน้าอาคารคณะเกษตร-คณะวิจิตรศิลป์ ภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) จ.เชียงใหม่
หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยฯได้นำทินเนอร์มาลบล้างสีทั้งหมด นอกจากนั้นยังพบว่ามีการปล่อยข่าวทางโลกออนไลน์ว่า จะมีกลุ่มนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มช.จัดกิจกรรมราดน้ำมันเผาตัวเองเพื่อต่อต้านการทำรัฐประหาร และการเสาวนาเรื่อง "เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น" ภายในวันนี้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบตัวผู้กระทำการดังกล่าว
ต่อมา พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วย ร.ศ.ดร.ธนารักษ์ สุวรรณประกิต รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.อ.โภคา จอกลอย หัวหน้ากองข่าว มทบ.33 ได้มาร่วมประชุมหารือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบเรื่องบุคคลที่พ่นสีว่าเป็นกลุ่มใด มีความประสงค์อะไร และจะเชิญตัวมาอบรมพูดคุยปรับทัศนคติต่อไป ส่วนเรื่องการจัดกิจกรรมใดๆของนักศึกษาหรือคณาจารย์จะไม่มีการสั่งระงับ สามารถจัดกิจกรรมได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขต หากเลยขอบเขตจะมีการดำเนินการตามกฏอัยการศึกทันที
ด้าน ร.ศ.ดร.ธนารักษ์ กล่าวว่า กิจกรรมนักศึกษาภายใต้กฎอัยการศึกที่นักศึกษาจะดำเนินการจัดนั้น ทางมหาวิทยาลัยทราบว่ามีการนัดหมายกันผ่านช่องทางต่างๆให้คนเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบว่าเป็นกิจกรรมของนักศึกษาหรือกลุ่มใดในมหาวิทยาลัย ทั้งนี้เนื่องจากตามประกาศของมหาวิทยาลัยได้กำหนดให้ช่วง 1 เดือนก่อนการสอบปลายภาค เป็นช่วงงดทำกิจกรรมทุกอย่าง และเวลานี้ก็อยู่ในช่วงดังกล่าว
โดยหากจะมีการจัดกิจกรรมใดเป็นกรณีพิเศษก็จะต้องมีการขออนุญาต รวมทั้งหากเป็นคนภายนอกก็ต้องขออนุญาตเช่นกัน ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่าเป็นการจัดกิจกรรมของกลุ่มใดในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้สั่งฝ่ายรักษาความปลอดภัยให้มีการเฝ้าระวังไว้ รวมทั้งได้รับการประสานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ขอเข้ามาสังเกตการณ์ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็อนุญาตสำหรับสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของนักศึกษานั้นถือเป็นพื้นที่ของทั้งนักศึกษาและประชาชนที่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยไม่เคยมีการปิดกั้น เพียงแต่มีข้อเสนอแนะว่าการแสดงออกบางอย่างควรจะต้องมีหลักคิดด้วยว่า การใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงบางอย่างก่อให้เกิดความแตกแยกขัดแย้ง หรือเกิดผลเสียมากกว่าผลดีหรือไม่ก็อยากให้พิจารณาว่าควรทำหรือไม่.
หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยฯได้นำทินเนอร์มาลบล้างสีทั้งหมด นอกจากนั้นยังพบว่ามีการปล่อยข่าวทางโลกออนไลน์ว่า จะมีกลุ่มนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มช.จัดกิจกรรมราดน้ำมันเผาตัวเองเพื่อต่อต้านการทำรัฐประหาร และการเสาวนาเรื่อง "เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น" ภายในวันนี้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบตัวผู้กระทำการดังกล่าว
ต่อมา พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วย ร.ศ.ดร.ธนารักษ์ สุวรรณประกิต รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.อ.โภคา จอกลอย หัวหน้ากองข่าว มทบ.33 ได้มาร่วมประชุมหารือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบเรื่องบุคคลที่พ่นสีว่าเป็นกลุ่มใด มีความประสงค์อะไร และจะเชิญตัวมาอบรมพูดคุยปรับทัศนคติต่อไป ส่วนเรื่องการจัดกิจกรรมใดๆของนักศึกษาหรือคณาจารย์จะไม่มีการสั่งระงับ สามารถจัดกิจกรรมได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขต หากเลยขอบเขตจะมีการดำเนินการตามกฏอัยการศึกทันที
ด้าน ร.ศ.ดร.ธนารักษ์ กล่าวว่า กิจกรรมนักศึกษาภายใต้กฎอัยการศึกที่นักศึกษาจะดำเนินการจัดนั้น ทางมหาวิทยาลัยทราบว่ามีการนัดหมายกันผ่านช่องทางต่างๆให้คนเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบว่าเป็นกิจกรรมของนักศึกษาหรือกลุ่มใดในมหาวิทยาลัย ทั้งนี้เนื่องจากตามประกาศของมหาวิทยาลัยได้กำหนดให้ช่วง 1 เดือนก่อนการสอบปลายภาค เป็นช่วงงดทำกิจกรรมทุกอย่าง และเวลานี้ก็อยู่ในช่วงดังกล่าว
โดยหากจะมีการจัดกิจกรรมใดเป็นกรณีพิเศษก็จะต้องมีการขออนุญาต รวมทั้งหากเป็นคนภายนอกก็ต้องขออนุญาตเช่นกัน ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่าเป็นการจัดกิจกรรมของกลุ่มใดในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้สั่งฝ่ายรักษาความปลอดภัยให้มีการเฝ้าระวังไว้ รวมทั้งได้รับการประสานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ขอเข้ามาสังเกตการณ์ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็อนุญาตสำหรับสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของนักศึกษานั้นถือเป็นพื้นที่ของทั้งนักศึกษาและประชาชนที่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยไม่เคยมีการปิดกั้น เพียงแต่มีข้อเสนอแนะว่าการแสดงออกบางอย่างควรจะต้องมีหลักคิดด้วยว่า การใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงบางอย่างก่อให้เกิดความแตกแยกขัดแย้ง หรือเกิดผลเสียมากกว่าผลดีหรือไม่ก็อยากให้พิจารณาว่าควรทำหรือไม่.