พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล ผู้บังคับการ ปทส. พ.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม ร่วมกันแถลงข่าวคดีจับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพวก ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมาก
พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า คดีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. ได้รับร้องเรียนว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตผู้บัญชาการ และอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ร่วมกับพวกผู้ต้องหาคือ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ พ.ต.อ.โกวิทย์ ม่วงนวล ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง และพลเรือนอีก 5 คน ร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบหลายประการ สตช.จึงมีการสืบสวนทางลับพบว่า ข้อร้องเรียนมีมูลความจริง จึงมีคำสั่งย้าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ ตำรวจที่เกี่ยวข้องในเวลาต่อมา จากนั้นนำพยานหลักฐานออกหมายจับทั้งหมด ในความผิดหลายข้อหาหนักด้วยกัน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ มีความผิดร้ายแรง ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วย จึงรายงานต่อรัฐบาลให้รับทราบ ก่อนมีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัว และตรวจค้นสถานที่จำนวน 15 แห่ง ที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มีจำนวน 11 แห่ง สามารถยึดทรัพย์สินรวมกันมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท
โดยการแถลงข่าววันนี้ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 12 คน และทรัพย์สินที่เป็นของกลางมาแถลงข่าว เนื่องจากผู้ต้องหาบางคนอยู่ระหว่างสอบปากคำ และส่วนใหญ่มีการฝากขังต่อศาลอาญาไปแล้ว รวมถึงมีการส่งตัวเข้าเรือนจำ ส่วนทรัพย์สินอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจัดทำบัญชีของกลางให้ชัดเจน คดีนี้มีข้อมูลว่า ยังมีตำรวจชั้นสัญญาบัตรที่เกี่ยวข้องอีกหลายนาย ที่ต้องจับตาดูว่า หลังจากนี้จะมีการขยายผลคดีไปยังคนอื่นๆ เพิ่มเติมอีกหรือไม่
พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า คดีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. ได้รับร้องเรียนว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตผู้บัญชาการ และอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ร่วมกับพวกผู้ต้องหาคือ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ พ.ต.อ.โกวิทย์ ม่วงนวล ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง และพลเรือนอีก 5 คน ร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบหลายประการ สตช.จึงมีการสืบสวนทางลับพบว่า ข้อร้องเรียนมีมูลความจริง จึงมีคำสั่งย้าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ ตำรวจที่เกี่ยวข้องในเวลาต่อมา จากนั้นนำพยานหลักฐานออกหมายจับทั้งหมด ในความผิดหลายข้อหาหนักด้วยกัน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ มีความผิดร้ายแรง ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วย จึงรายงานต่อรัฐบาลให้รับทราบ ก่อนมีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัว และตรวจค้นสถานที่จำนวน 15 แห่ง ที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มีจำนวน 11 แห่ง สามารถยึดทรัพย์สินรวมกันมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท
โดยการแถลงข่าววันนี้ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 12 คน และทรัพย์สินที่เป็นของกลางมาแถลงข่าว เนื่องจากผู้ต้องหาบางคนอยู่ระหว่างสอบปากคำ และส่วนใหญ่มีการฝากขังต่อศาลอาญาไปแล้ว รวมถึงมีการส่งตัวเข้าเรือนจำ ส่วนทรัพย์สินอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจัดทำบัญชีของกลางให้ชัดเจน คดีนี้มีข้อมูลว่า ยังมีตำรวจชั้นสัญญาบัตรที่เกี่ยวข้องอีกหลายนาย ที่ต้องจับตาดูว่า หลังจากนี้จะมีการขยายผลคดีไปยังคนอื่นๆ เพิ่มเติมอีกหรือไม่
