นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า กรณี ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามอนุญาโตตุลาการให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) จ่ายเงินชดเชยในคดีการก่อสร้างโครงการจัดการน้ำเสียในเขตควบคุมมลพิษ จ.สมุทรปราการ (โครงการคลองด่าน) จ่ายค่าชดเชยให้กับบริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้างกับพวก 6คน โดยเป็นค่าจ้าง ค่าเสียหาย รวมดอกเบี้ยเป็นเงิน 5,000 ล้านบาท กับอีกจำนววน 31,035,780 เหรียญสหรัฐ พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี เป็นยอดเงินประมาณกว่า 1หมื่นล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2546โดยต้องจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
โดยสำนักงบประมาณต้องขอพิจาณาคำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้ชัดเจนอีกครั้งว่า เป็นการจ่ายเงินส่วนใดบ้าง เมื่อคำสั่งศาลปกครองสูงสุดออกมาต้องปฏิบัติตาม ยอมรับว่ายอดเงินดังกล่าวเป็นเงินจำนวนมาก ย่อมกระทบต่อการตั้งงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อรองรับการแก้ปัญหาภัยพิบัติต่างๆ โดยในงบประมาณประจำปี 58ตั้งสำรองไว้ประมาณ 7-8หมื่นล้านบาท เพราะขณะนี้มีทั้งปัญหาน้ำท่วมภาคใต้และภัยต่างๆจากธรรมชาติ
สำหรับแนวทางในการชำระหนี้ ยอมรับว่า ยังพอมีแนวทางเจรจากับภาคเอกชนผู้ชนะคดีในการขอผ่อนผันชำระเงินจากภาครัฐ เพราะคดีได้เกิดขึ้นมานานหลายสิบปีแล้ว ยอมรับเป็นเงินก้อนใหญ่ที่ต้องหาแนวทางคืนเงินตามคำสั่งศาล แต่แนวทางชำระเงินและรายละเอียดทั้งหมดต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งสรุปและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในเร็วๆ นี้
โดยสำนักงบประมาณต้องขอพิจาณาคำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้ชัดเจนอีกครั้งว่า เป็นการจ่ายเงินส่วนใดบ้าง เมื่อคำสั่งศาลปกครองสูงสุดออกมาต้องปฏิบัติตาม ยอมรับว่ายอดเงินดังกล่าวเป็นเงินจำนวนมาก ย่อมกระทบต่อการตั้งงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อรองรับการแก้ปัญหาภัยพิบัติต่างๆ โดยในงบประมาณประจำปี 58ตั้งสำรองไว้ประมาณ 7-8หมื่นล้านบาท เพราะขณะนี้มีทั้งปัญหาน้ำท่วมภาคใต้และภัยต่างๆจากธรรมชาติ
สำหรับแนวทางในการชำระหนี้ ยอมรับว่า ยังพอมีแนวทางเจรจากับภาคเอกชนผู้ชนะคดีในการขอผ่อนผันชำระเงินจากภาครัฐ เพราะคดีได้เกิดขึ้นมานานหลายสิบปีแล้ว ยอมรับเป็นเงินก้อนใหญ่ที่ต้องหาแนวทางคืนเงินตามคำสั่งศาล แต่แนวทางชำระเงินและรายละเอียดทั้งหมดต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งสรุปและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในเร็วๆ นี้
