นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศได้ปรับตัวสะท้อนกลไกตลาด จึงได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ค้าน้ำมันให้พิจารณาปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงลงให้กับผู้บริโภค โดยขอให้ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอลทุกชนิดลง 60 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น อี85 ราคาคงเดิม สำหรับดีเซล มีมติเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 60 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งไม่ส่งผลต่อราคาขายปลีกแต่อย่างใด โดยราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจะคงอยู่ที่ 29.39 บาทต่อลิตร
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง.ยังลดการอุดหนุนราคาขายปลีกแอลพีจีภาคครัวเรือนและภาคขนส่งลง ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือนและขนส่งเพิ่มขึ้น 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม โดยขยับจากราคา 22.63 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 23.13 บาทต่อกิโลกรัม มีผลตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 เป็นต้นไป
สำหรับราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนและขนส่ง ปัจจุบันยังเหลืออุดหนุนจากกองทุนฯ อีก 1.30 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้นแนวทางต่อไป คือต้องการสะท้อนต้นุทนที่ 24.43 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาจะใกล้เคียงกับแอลพีจีภาคอุตสาหกรรม 25.37 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม เตรียมเสนอเรื่องการปรับโครงสร้างราคาพลังงานเสนอที่ประชุม กพช.ต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง.ยังลดการอุดหนุนราคาขายปลีกแอลพีจีภาคครัวเรือนและภาคขนส่งลง ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือนและขนส่งเพิ่มขึ้น 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม โดยขยับจากราคา 22.63 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 23.13 บาทต่อกิโลกรัม มีผลตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 เป็นต้นไป
สำหรับราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนและขนส่ง ปัจจุบันยังเหลืออุดหนุนจากกองทุนฯ อีก 1.30 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้นแนวทางต่อไป คือต้องการสะท้อนต้นุทนที่ 24.43 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาจะใกล้เคียงกับแอลพีจีภาคอุตสาหกรรม 25.37 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม เตรียมเสนอเรื่องการปรับโครงสร้างราคาพลังงานเสนอที่ประชุม กพช.ต่อไป
