นายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในเวทีถกแถลง "ก้าวพ้นความขัดแย้ง สู่ความปรองดอง" ว่า กระบวนการปรองดองในระยะแรกต้องนำคู่ขัดแย้งมาพูดคุยกัน มีการเยียวยาอดีต ไม่เพิ่มปัญหาในปัจจุบัน และไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปี จะสามารถก้าวผ่านความขัดแย้งได้
นายโคทม กล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องยอมรับความผิดพลาดในอดีต ถึงจะได้รับการให้อภัย ตนมองว่าขณะนี้ยังมีความขัดแย้งแฝงอยู่ หากแก้ไขไม่ตรงจุดก็จะทำให้ความขัดแย้งกลับมา ดังนั้น ควรมีการเปิดเวทีให้พูดคุยแสดงความเห็นในข้อเท็จจริง
สำหรับการปฏิรูปประเทศที่มีการตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ขึ้นมานั้น ถือเป็นการแก้ไขปัญหาระยะกลาง หากการปฏิรูปตอบโจทย์ประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ และเท่าที่ทราบ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมีแนวคิดว่าจะมีบทบัญญัติเฉพาะกาล ที่จะพูดถึงแนวทางการปฏิรูปและแนวทางปรองดองในระยะเวลา 4 ปี ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องดูว่าจะมีรูปแบบและแนวทางต่อไปอย่างไร
ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว ต้องสร้างวิสัยทัศน์และคุณค่าร่วม และก้าวพ้นความสุดโต่งที่เป็นสาเหตุหลักของความขัดแย้ง ลดวาทะกรรมเชือดเฉือนต่อกัน แล้วสร้างวาทะกรรมไปในทางเดียวกัน
นายโคทม กล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องยอมรับความผิดพลาดในอดีต ถึงจะได้รับการให้อภัย ตนมองว่าขณะนี้ยังมีความขัดแย้งแฝงอยู่ หากแก้ไขไม่ตรงจุดก็จะทำให้ความขัดแย้งกลับมา ดังนั้น ควรมีการเปิดเวทีให้พูดคุยแสดงความเห็นในข้อเท็จจริง
สำหรับการปฏิรูปประเทศที่มีการตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ขึ้นมานั้น ถือเป็นการแก้ไขปัญหาระยะกลาง หากการปฏิรูปตอบโจทย์ประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ และเท่าที่ทราบ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมีแนวคิดว่าจะมีบทบัญญัติเฉพาะกาล ที่จะพูดถึงแนวทางการปฏิรูปและแนวทางปรองดองในระยะเวลา 4 ปี ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องดูว่าจะมีรูปแบบและแนวทางต่อไปอย่างไร
ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว ต้องสร้างวิสัยทัศน์และคุณค่าร่วม และก้าวพ้นความสุดโต่งที่เป็นสาเหตุหลักของความขัดแย้ง ลดวาทะกรรมเชือดเฉือนต่อกัน แล้วสร้างวาทะกรรมไปในทางเดียวกัน
