เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบฯ แถลงถึงแนวทางเลือกการจัดการน้ำ โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนแม่วงก์ ว่า จากกรณีที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมจะมีการจัดประชุมคณะกรรมการผู้ชำนาญการ(คชก.) พิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านแหล่งน้ำในวันที่ 19 พ.ย. นี้ เพื่อพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ (อีเอชไอเอ) โครงการเขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาตินั้น ยืนยันว่าการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ซึ่งใช้เงินถึง 1.3 หมื่นล้านบาท ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม และภัยแล้ง อีกทั้งต้องเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างชลประทานถึง 1.2 หมื่นไร่ ต้องเสียพื้นที่ป่าถึง 1.3 หมื่นไร่ และส่งผลกระทบต่อประชาชนแน่นอน
นายศศิน กล่าวอีกว่า ทางเลือกในการแก้ปัญหาน้ำท่วมโดยเฉพาะพื้นที่ อ.ลาดยาว กรณีไม่สร้างเขื่อนแม่วงก์ ต้องมีการจัดการน้ำหลากทางตอนต้น ที่สำคัญต้องขุดลอกลำคลองตอนกลาง ซึ่งมีสิ่งกีดขวางกว่า 40 จุด ที่สร้างโดย อบต.และหลายหน่วยงาน รวมทั้งต้องมีการบริหารจัดการประตูเปิด-ปิดน้ำตามคลองสาขาให้เป็นระบบ ทั้งนี้มูลนิธิสืบฯ จะนำทางเลือกการบริหารจัดการน้ำส่งไปให้ คชก.ทุกคนภายในวันที่ 17 พ.ย.นี้ ก่อนที่จะมีการประชุมในวันที่ 19 ก.ย. ซึ่งมูลนิธิสืบฯ ยืนยันจะคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนในพื้นที่อุทยานฯ อย่างถึงที่สุด
นายศศิน กล่าวอีกว่า ทางเลือกในการแก้ปัญหาน้ำท่วมโดยเฉพาะพื้นที่ อ.ลาดยาว กรณีไม่สร้างเขื่อนแม่วงก์ ต้องมีการจัดการน้ำหลากทางตอนต้น ที่สำคัญต้องขุดลอกลำคลองตอนกลาง ซึ่งมีสิ่งกีดขวางกว่า 40 จุด ที่สร้างโดย อบต.และหลายหน่วยงาน รวมทั้งต้องมีการบริหารจัดการประตูเปิด-ปิดน้ำตามคลองสาขาให้เป็นระบบ ทั้งนี้มูลนิธิสืบฯ จะนำทางเลือกการบริหารจัดการน้ำส่งไปให้ คชก.ทุกคนภายในวันที่ 17 พ.ย.นี้ ก่อนที่จะมีการประชุมในวันที่ 19 ก.ย. ซึ่งมูลนิธิสืบฯ ยืนยันจะคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนในพื้นที่อุทยานฯ อย่างถึงที่สุด
