นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง ผบก.ปคม. เข้าให้การช่วยเหลือหญิงสาวชาวลาวและหญิงไทยที่ถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศ รวม 20 คน ภายในร้าน ย่านดอนตูม จ.นครปฐม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้รับแจ้งเบาะแสจาก หญิงสาวชาวลาว 2 ราย ที่ถูกบังคับให้ค้าประเวณี
ภายหลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัว หญิงสาวให้บริการได้ 20 คน อายุประมาณ 14-18 ปี เอาไว้ได้ ก่อนจะนำทั้งหมดไปยังที่บ้านเกร็ดตระการ เพื่อทำการคัดแยกเหยื่อ ร่วมกับพนักงานสอบสวน บก.ปคม. สอบปากคำขยายผล สำหรับสถานที่ดังกล่าว เปิดเป็นร้านคาราโอเกะติด ๆ กัน ก่อนที่จะเข้าไปถึงบริเวณตัวร้านด้านใน ส่วนด้านหลังของร้านได้ซอยเป็นห้องพัก 12 ห้อง ไว้สำหรับบริการลูกค้า แต่เมื่อไปถึงกลับไม่มีใครรับเป็นเจ้าของหรือผู้ดูแล
ขณะที่ หญิงสาวชาวลาวรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อ 4 - 5 เดือนก่อน มีนายหน้าจากฝั่งไทยชักชวนให้มาทำงานที่ฝั่งไทย โดยพูดจาหว่านล้อมว่ามีรายได้ดี จึงตัดสินใจมาทำงาน แต่เมื่อมาถึงที่ร้านคาราโอเกะ กลับถูกบังคับให้ขายตัวและกักบริเวณไม่ให้ออกไปไหน
ทั้งนี้ นางปวีณา กล่าวว่า อยากให้ทาง บก.ปคม. สอบปากคำขยายผลโดยเร็ว รวมทั้งเร่งนำตัวเจ้าของกิจการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในประเทศไทยยังมีธุรกิจการค้ามนุษย์ผิดกฎหมายเช่นนี้อีกเยอะมาก จึงอยากขอให้พลเมืองดี ที่พบเห็นการกระทำดังกล่าว แจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 1134 มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี สายด่วน 1300 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม กระทรวงพม. และสายด่วน 1191 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ปคม.)
ภายหลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัว หญิงสาวให้บริการได้ 20 คน อายุประมาณ 14-18 ปี เอาไว้ได้ ก่อนจะนำทั้งหมดไปยังที่บ้านเกร็ดตระการ เพื่อทำการคัดแยกเหยื่อ ร่วมกับพนักงานสอบสวน บก.ปคม. สอบปากคำขยายผล สำหรับสถานที่ดังกล่าว เปิดเป็นร้านคาราโอเกะติด ๆ กัน ก่อนที่จะเข้าไปถึงบริเวณตัวร้านด้านใน ส่วนด้านหลังของร้านได้ซอยเป็นห้องพัก 12 ห้อง ไว้สำหรับบริการลูกค้า แต่เมื่อไปถึงกลับไม่มีใครรับเป็นเจ้าของหรือผู้ดูแล
ขณะที่ หญิงสาวชาวลาวรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อ 4 - 5 เดือนก่อน มีนายหน้าจากฝั่งไทยชักชวนให้มาทำงานที่ฝั่งไทย โดยพูดจาหว่านล้อมว่ามีรายได้ดี จึงตัดสินใจมาทำงาน แต่เมื่อมาถึงที่ร้านคาราโอเกะ กลับถูกบังคับให้ขายตัวและกักบริเวณไม่ให้ออกไปไหน
ทั้งนี้ นางปวีณา กล่าวว่า อยากให้ทาง บก.ปคม. สอบปากคำขยายผลโดยเร็ว รวมทั้งเร่งนำตัวเจ้าของกิจการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในประเทศไทยยังมีธุรกิจการค้ามนุษย์ผิดกฎหมายเช่นนี้อีกเยอะมาก จึงอยากขอให้พลเมืองดี ที่พบเห็นการกระทำดังกล่าว แจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 1134 มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี สายด่วน 1300 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม กระทรวงพม. และสายด่วน 1191 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ปคม.)
