พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงผลการประชุมสุดยอดผู้นำเอเซีย-ยุโรป หรือ อาเซม ครั้งที่ 10 ณ กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี และการหารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศต่างๆ ว่า ได้รับผลการตอบรับที่ดีเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและได้รับการยอมรับอย่างสมเกียรติ ซึ่งทุกประเทศได้ให้กำลังในการทำการปฏิรูปและมีความเข้าใจ พร้อมทั้งมีความเชื่อมั่นประเทศไทยมากขึ้น อีกทั้งยังต้องการเข้ามาลงทุน ดังนั้น ไทยต้องบริหารจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคให้เกิดความพร้อม ขณะที่หลายประเทศโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นและจีนให้ความสนใจพร้อมสนับสนุนโครงการพัฒนารถไฟของไทย โดยยืนยันว่าการเจรจาต้องโปร่งใส และเปิดเผย
สำหรับการประชุมผู้นำเอเซีย-ยุโรป ครั้งที่ 10 เต็มคณะ นายกรัฐมนตรีได้เสนอยุทธศาสตร์การดำเนินการ 3 ด้านหลัก ได้แก่ การเพิ่มบทบาทความเป็นหุ้นส่วนระหว่างเอเซีย-ยุโรป การบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค และการขยายความตกลงการค้าเสรีเอเซีย-ยุโรป ซึ่งต้องอาศัยความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการขาดแคลนอาหารและพลังงานในอนาคต ซึ่งทุกประเทศต้องร่วมมือกันเตรียมความพร้อมรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น
สำหรับการประชุมผู้นำเอเซีย-ยุโรป ครั้งที่ 10 เต็มคณะ นายกรัฐมนตรีได้เสนอยุทธศาสตร์การดำเนินการ 3 ด้านหลัก ได้แก่ การเพิ่มบทบาทความเป็นหุ้นส่วนระหว่างเอเซีย-ยุโรป การบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค และการขยายความตกลงการค้าเสรีเอเซีย-ยุโรป ซึ่งต้องอาศัยความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการขาดแคลนอาหารและพลังงานในอนาคต ซึ่งทุกประเทศต้องร่วมมือกันเตรียมความพร้อมรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น
