นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในประเทศมีสัญญาณที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดตัวเลขขอรับส่งเสริมการลงทุนเดือน กันยายน 2557 เพียงเดือนเดียว มีนักลงทุนสนใจยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 158 โครงการ เงินลงทุนรวม 176,300 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นเดือนที่มีจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนสูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนของกลุ่มกิจการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากก๊าชธรรมชาติที่มีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามาจำนวนถึง 5 โครงการ เงินลงทุนรวม 135,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนให้ความสนใจกับการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของบีโอไอ รวมถึงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มกลับมาอีกครั้ง โดยหลังจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี มั่นใจว่าทิศทางการลงทุนจะยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ภาพรวมการลงทุนของไทยปีนี้อาจสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ระดับ 700,000 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน 2557) พบว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 1,040 โครงการ เงินลงทุนรวม 592,000 ล้านบาท โครงการปรับลดลงร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 1,351 โครงการ ขณะที่เงินลงทุนปรับลดลงร้อยละ 17.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 716,800 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงเดียวกันของปีก่อน มีการลงทุนของโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก
ทั้งนี้ ภาพรวมของกิจการที่เข้ามาลงทุนกระจายในกลุ่มกิจการต่าง ๆ ได้แก่ กิจการบริการและสาธารณูปโภค 309 โครงการ เงินลงทุน 250,600 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง 207 โครงการ เงินลงทุน 197,000 ล้านบาท เคมี กระดาษ และพลาสติก จำนวน 115 โครงการ เงินลงทุน 54,800 ล้านบาท เกษตรกรรม และผลิตผลจากการเกษตร 162 โครงการ เงินลงทุน 34,900 ล้านบาท เหมืองแร่ เซรามิกส์ และโลหะขั้นมูลฐาน 39 โครงการ เงินลงทุน 22,300 ล้านบาท อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องไฟฟ้า 173 โครงการ เงินลงทุน 17,100 ล้านบาท และ กิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมเบา จำนวน 35 โครงการ เงินลงทุน 15,300 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน 2557) พบว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 1,040 โครงการ เงินลงทุนรวม 592,000 ล้านบาท โครงการปรับลดลงร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 1,351 โครงการ ขณะที่เงินลงทุนปรับลดลงร้อยละ 17.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 716,800 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงเดียวกันของปีก่อน มีการลงทุนของโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก
ทั้งนี้ ภาพรวมของกิจการที่เข้ามาลงทุนกระจายในกลุ่มกิจการต่าง ๆ ได้แก่ กิจการบริการและสาธารณูปโภค 309 โครงการ เงินลงทุน 250,600 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง 207 โครงการ เงินลงทุน 197,000 ล้านบาท เคมี กระดาษ และพลาสติก จำนวน 115 โครงการ เงินลงทุน 54,800 ล้านบาท เกษตรกรรม และผลิตผลจากการเกษตร 162 โครงการ เงินลงทุน 34,900 ล้านบาท เหมืองแร่ เซรามิกส์ และโลหะขั้นมูลฐาน 39 โครงการ เงินลงทุน 22,300 ล้านบาท อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องไฟฟ้า 173 โครงการ เงินลงทุน 17,100 ล้านบาท และ กิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมเบา จำนวน 35 โครงการ เงินลงทุน 15,300 ล้านบาท
