นางวิภาดา จตุยศพร ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักโทรทัศน์ บมจ.อสมท ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวว่าโมเดิร์นไนน์ ทีวี มีคำสั่งให้รายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” งดออกอากาศเทปสัมภาษณ์ในวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม 2557 ที่ไปสัมภาษณ์ “เสก โลโซ” เสกสรรค์ ศุขพิมาย และอดีตภรรยา โดยขอชี้แจงว่า อสมท ไม่ได้สั่งแบน หรือสั่งงดออกอากาศตามที่เป็นข่าว แต่เป็นความยินยอมของทางรายการที่ตัดสินใจจะไม่นำเทปนี้มาออกอากาศ และได้มีการขอเปลี่ยนเทปออกอากาศเอง สืบเนื่องจากที่ศูนย์ประสานงานคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว สำนักงานกิจการสตรี และสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีหนังสือด่วนแจ้งมายัง อสมท ขอให้ทบทวนการออกอากาศนำเสนอรายการที่มีเนื้อหาความรุนแรงต่อครอบครัว
หลังมีหนังสือมา ฝ่ายควบคุมคุณภาพรายการได้ไปตรวจสอบ และปรึกษากับฝ่ายกฎหมายของ อสมท เห็นแล้วว่าหากนำออกอากาศจะมีความผิด ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546, พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 และ พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 จึงได้พูดคุย พร้อมทำหนังสือแจ้งไปยังฝ่ายรายการวู้ดดี้ฯ และรายการก็ได้ทำหนังสือตอบกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งขอเปลี่ยนเทปการออกอากาศเป็นนำเทปสัมภาษณ์ “เป็ด อภิชาติ นรเศรษฐาภรณ์” เมกอัพอาร์ทิสต์ชื่อดัง มาออกอากาศรีรันแทนไปก่อน จึงขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้แบนรายการวู้ดดี้ฯ ตามที่เป็นข่าว
ด้านนายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักกิจการสตรีฯ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำหนังสือขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนงดการนำเสนอข่าวความรุนแรงในครอบครัว กรณีความขัดแย้งของครอบครัวร็อกเกอร์ชื่อดังนั้น เนื่องจากห่วงสภาพจิตใจ ที่บุตรของทั้ง 2 คน ต้องทนดูพ่อแม่ทะเลาะกันไม่เว้นวันผ่านสื่อ เชื่อว่าตัวเด็กคงกังวล และทุกข์ใจไม่น้อย ส่วนที่บรรดาแฟนคลับของร็อกเกอร์อาจคิดว่าเป็นการปิดกั้นการนำเสนอของสื่อมวลชนนั้น อยากให้เข้าใจว่า เรื่องครอบครัว หรือเรื่องส่วนตัวบางเรื่องจะเอาแค่ถูกใจ สนุกไม่ได้ ต้องมีความถูกต้องร่วมด้วย เพราะหากสื่อนำเสนอข่าวการตอบโต้ของทั้งสองฝ่ายเอง สื่อก็มีความผิด เพราะเรื่องนี้ได้กลายเป็นกฎหมายแล้ว ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผอ.สำนักกิจการสตรีฯ ได้ขอบคุณสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ทีวี และผู้ผลิตรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ที่เห็นถึงความสำคัญของปัญหาครอบครัว ระงับการเผยแพร่เทปสัมภาษณ์ร็อกเกอร์ชื่อดังและภรรยา เพราะหากนำเสนอเกรงปัญหายิ่งบานปลาย และในวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคมนี้ สำนักกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวจะมีการจัดประชุมฯ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่ด้านจิตวิทยาร่วมด้วย
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนักกิจการสตรีฯ ขอใช้คำว่าร็อกเกอร์แทนการเอ่ยชื่อ เพื่อต้องการเป็นแบบอย่างการไม่เสนอข่าวของครอบครัวนี้ด้วย
หลังมีหนังสือมา ฝ่ายควบคุมคุณภาพรายการได้ไปตรวจสอบ และปรึกษากับฝ่ายกฎหมายของ อสมท เห็นแล้วว่าหากนำออกอากาศจะมีความผิด ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546, พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 และ พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 จึงได้พูดคุย พร้อมทำหนังสือแจ้งไปยังฝ่ายรายการวู้ดดี้ฯ และรายการก็ได้ทำหนังสือตอบกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งขอเปลี่ยนเทปการออกอากาศเป็นนำเทปสัมภาษณ์ “เป็ด อภิชาติ นรเศรษฐาภรณ์” เมกอัพอาร์ทิสต์ชื่อดัง มาออกอากาศรีรันแทนไปก่อน จึงขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้แบนรายการวู้ดดี้ฯ ตามที่เป็นข่าว
ด้านนายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักกิจการสตรีฯ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำหนังสือขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนงดการนำเสนอข่าวความรุนแรงในครอบครัว กรณีความขัดแย้งของครอบครัวร็อกเกอร์ชื่อดังนั้น เนื่องจากห่วงสภาพจิตใจ ที่บุตรของทั้ง 2 คน ต้องทนดูพ่อแม่ทะเลาะกันไม่เว้นวันผ่านสื่อ เชื่อว่าตัวเด็กคงกังวล และทุกข์ใจไม่น้อย ส่วนที่บรรดาแฟนคลับของร็อกเกอร์อาจคิดว่าเป็นการปิดกั้นการนำเสนอของสื่อมวลชนนั้น อยากให้เข้าใจว่า เรื่องครอบครัว หรือเรื่องส่วนตัวบางเรื่องจะเอาแค่ถูกใจ สนุกไม่ได้ ต้องมีความถูกต้องร่วมด้วย เพราะหากสื่อนำเสนอข่าวการตอบโต้ของทั้งสองฝ่ายเอง สื่อก็มีความผิด เพราะเรื่องนี้ได้กลายเป็นกฎหมายแล้ว ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผอ.สำนักกิจการสตรีฯ ได้ขอบคุณสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ทีวี และผู้ผลิตรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ที่เห็นถึงความสำคัญของปัญหาครอบครัว ระงับการเผยแพร่เทปสัมภาษณ์ร็อกเกอร์ชื่อดังและภรรยา เพราะหากนำเสนอเกรงปัญหายิ่งบานปลาย และในวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคมนี้ สำนักกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวจะมีการจัดประชุมฯ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่ด้านจิตวิทยาร่วมด้วย
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนักกิจการสตรีฯ ขอใช้คำว่าร็อกเกอร์แทนการเอ่ยชื่อ เพื่อต้องการเป็นแบบอย่างการไม่เสนอข่าวของครอบครัวนี้ด้วย