นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ กรมการค้าภายในจะออกประกาศราคานำตลาดการรับซื้อข้าวของโรงสีที่เข้าร่วมโครงการกับรัฐบาล โดยโรงสีแต่ละพื้นที่ที่รับซื้อข้าวจากเกษตรกร ราคาจะสูงกว่าราคาตลาดอย่างน้อยตันละ 100-200 บาท เพื่อให้โรงสีที่เข้าร่วมโครงการนำข้าวที่ซื้อข้าวจากเกษตรกรมาเก็บไว้ในโกดังของตนเอง
ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมหากโรงสีใดต้องการสภาพคล่องก็ให้นำข้าวเปลือกที่ซื้อจากเกษตรกรมาใช้เป็นหลักประกัน เพื่อขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ร้อยละ 3 ส่วนโรงสีจะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาการกู้เงินอาจจะ 3 หรือ 6 เดือน โดยรัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลือและเป็นไปตามมติ คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.)
อย่างไรก็ตาม รัฐกำหนดปริมาณข้าวเปลือกที่ 6 ล้านตันข้าวเปลือก หรือกว่า 918 ล้านบาท ที่รัฐบาลจะชดเชยให้ สำหรับการประกาศราคานำตลาดแต่ละพื้นที่จะแตกต่างกัน เพื่อต้องการลดปริมาณข้าวที่จะออกสู่ตลาดจำนวนมากในช่วง 2 เดือนนี้ และที่สำคัญโรงสีที่เข้าร่วมเมื่อเก็บข้าวเปลือกแล้วจะต้องทำเอกสารที่ชัดเจน เพื่อให้ส่วนราชการตรวจสอบแม้ว่าโรงสีที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนดอกเบี้ยจากรัฐบาลก็ตาม ขณะนี้โรงสีสนใจเข้าร่วมโครงการนี้แล้วหลาย 100 ราย โดยคาดว่าทางกรมฯ จะประกาศหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนภายในปลายเดือนตุลาคมนี้
นอกจากนี้ การประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) วันที่ 10 ตุลาคมนี้ มี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน จะมีการพิจารณามาตรการยกเลิกสินค้าเกษตรข้ามเขต หลังจากไม่มีโครงการรับจำนำ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวอาจจะเป็นอุปสรรคในการรับซื้อหรือขายข้าว หรือสินค้าเกษตรที่สำคัญ ดังนั้นมาตรการที่ชัดเจนคงต้องรอ กกร.
ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมหากโรงสีใดต้องการสภาพคล่องก็ให้นำข้าวเปลือกที่ซื้อจากเกษตรกรมาใช้เป็นหลักประกัน เพื่อขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ร้อยละ 3 ส่วนโรงสีจะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาการกู้เงินอาจจะ 3 หรือ 6 เดือน โดยรัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลือและเป็นไปตามมติ คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.)
อย่างไรก็ตาม รัฐกำหนดปริมาณข้าวเปลือกที่ 6 ล้านตันข้าวเปลือก หรือกว่า 918 ล้านบาท ที่รัฐบาลจะชดเชยให้ สำหรับการประกาศราคานำตลาดแต่ละพื้นที่จะแตกต่างกัน เพื่อต้องการลดปริมาณข้าวที่จะออกสู่ตลาดจำนวนมากในช่วง 2 เดือนนี้ และที่สำคัญโรงสีที่เข้าร่วมเมื่อเก็บข้าวเปลือกแล้วจะต้องทำเอกสารที่ชัดเจน เพื่อให้ส่วนราชการตรวจสอบแม้ว่าโรงสีที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนดอกเบี้ยจากรัฐบาลก็ตาม ขณะนี้โรงสีสนใจเข้าร่วมโครงการนี้แล้วหลาย 100 ราย โดยคาดว่าทางกรมฯ จะประกาศหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนภายในปลายเดือนตุลาคมนี้
นอกจากนี้ การประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) วันที่ 10 ตุลาคมนี้ มี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน จะมีการพิจารณามาตรการยกเลิกสินค้าเกษตรข้ามเขต หลังจากไม่มีโครงการรับจำนำ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวอาจจะเป็นอุปสรรคในการรับซื้อหรือขายข้าว หรือสินค้าเกษตรที่สำคัญ ดังนั้นมาตรการที่ชัดเจนคงต้องรอ กกร.
