วานนี้ (11 ก.ย.) นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ เดินทางยื่นหนังสือถึง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยผ่านตัวแทน เพื่อขอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่ให้มีความเหมาะสมกับต้นทุนที่แท้จริง และค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากรถแท็กซี่ไม่ได้ปรับขึ้นค่าโดยสารมานานกว่า 10 ปีแล้ว แม้จะมีการหารือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อปรับเปลี่ยนรัฐบาลใหม่เรื่องก็เงียบหายไป ดังนั้นจึงต้องนำเสนออัตราการปรับขึ้นค่าแท็กซี่ที่เคยศึกษาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอีกครั้ง โดยเห็นว่าการปรับขึ้นค่าแท็กซี่ดังกล่าวจะช่วยแก้ไขปัญหารถแท็กซี่ปฏิเสธรับผู้โดยสารได้
สำหรับอัตราค่าแท็กซี่ที่ได้มีการศึกษาร่วมกัน ยังคงอัตราเริ่มต้นที่ 35 บาทเหมือนเดิม จากนั้นจึงจะปรับขึ้นตามระยะทางเฉลี่ยจะมีการปรับขึ้นจากเดิมประมาณร้อยละ 10 เช่น กิโลเมตรที่ 2-12 จะคิดค่าบริการ 5 บาทต่อกิโลเมตร จากปัจจุบัน 4.50 บาท เป็นต้น ส่วนกรณีรถติด ผู้ประกอบการขอให้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.50 บาทต่อนาที จากปัจจุบัน 1.50 บาทต่อนาที เพื่อสะท้อนต้นทุนจริงที่อยู่ประมาณ 100 บาทต่อชั่วโมง แต่ปัจจุบันมีรายได้ประมาณ 90 บาทต่อชั่วโมง เมื่อต้องเจอรถติด จึงส่งผลให้รถแท็กซี่บางคันปฏิเสธที่จะเข้าไปรับส่งผู้โดยสารในพื้นที่การจราจรติดขัด
นอกจากนี้ ปัจจุบันคนขับรถแท็กซี่ทำงานประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน มีเงินเหลือประมาณ 300 บาทต่อวัน ซึ่งน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ หากพิจารณาจากจำนวนชั่วโมงที่ทำงานจะต้องได้อย่างน้อยประมาณ 400-450 บาทต่อวัน รวมทั้งยังเป็นห่วงเรื่องการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจีที่มีกระแสข่าวว่าจะปรับราคาเร็วๆ นี้ด้วย ดังนั้น จึงต้องการให้กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพลังงาน พิจารณาเรื่องของราคาก๊าซที่จะปรับตัวสูงขึ้นให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงควบคู่กับการผลการศึกษาเดิมด้วย เพราะหากต้องมีการพิจารณาใหม่อาจต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยประมาณ 10 ปี
สำหรับอัตราค่าแท็กซี่ที่ได้มีการศึกษาร่วมกัน ยังคงอัตราเริ่มต้นที่ 35 บาทเหมือนเดิม จากนั้นจึงจะปรับขึ้นตามระยะทางเฉลี่ยจะมีการปรับขึ้นจากเดิมประมาณร้อยละ 10 เช่น กิโลเมตรที่ 2-12 จะคิดค่าบริการ 5 บาทต่อกิโลเมตร จากปัจจุบัน 4.50 บาท เป็นต้น ส่วนกรณีรถติด ผู้ประกอบการขอให้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.50 บาทต่อนาที จากปัจจุบัน 1.50 บาทต่อนาที เพื่อสะท้อนต้นทุนจริงที่อยู่ประมาณ 100 บาทต่อชั่วโมง แต่ปัจจุบันมีรายได้ประมาณ 90 บาทต่อชั่วโมง เมื่อต้องเจอรถติด จึงส่งผลให้รถแท็กซี่บางคันปฏิเสธที่จะเข้าไปรับส่งผู้โดยสารในพื้นที่การจราจรติดขัด
นอกจากนี้ ปัจจุบันคนขับรถแท็กซี่ทำงานประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน มีเงินเหลือประมาณ 300 บาทต่อวัน ซึ่งน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ หากพิจารณาจากจำนวนชั่วโมงที่ทำงานจะต้องได้อย่างน้อยประมาณ 400-450 บาทต่อวัน รวมทั้งยังเป็นห่วงเรื่องการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจีที่มีกระแสข่าวว่าจะปรับราคาเร็วๆ นี้ด้วย ดังนั้น จึงต้องการให้กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพลังงาน พิจารณาเรื่องของราคาก๊าซที่จะปรับตัวสูงขึ้นให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงควบคู่กับการผลการศึกษาเดิมด้วย เพราะหากต้องมีการพิจารณาใหม่อาจต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยประมาณ 10 ปี
