นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมประกาศจ่ายปันผล 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยซีเลคทีฟ อิควิตี้ฟันด์ (KTSE) และ กองทุนเปิดกรุงไทยออพเพอทูนิตี้ ชนิดจ่ายเงินปันผล ( KT-OPP Class D ) ในอัตรา 1.00 บาท ปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 11 กันยายน 2557 โดยกองทุน KTSE จ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 กันยายน 2557 ส่วน KT-OPP Class D จ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 กันยายน 2557
โดยกองทุน KTSE มีนโยบายลงทุนในตราสารทุน ไม่เกิน30 หลักทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ไม่รอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด ส่วนกองทุน KT-OPP Class D เป็นกองทุนที่กระจายลงทุนทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ 0-100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละขณะ ทั้งนี้ กองทุนอาจพิจารณานำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 79ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2557 กองทุนKTSE ย้อนหลัง3 เดือน อยู่ที่ 17.11 % ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 19.24% YTD อยู่ที่ 20.50% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน AIMC ที่กำหนดไว้ โดยย้อนหลัง3เดือนอยู่ที่ 10.87% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 19.24% และ YTD อยู่ที่ 20.50%
ส่วนกองทุน KT-OPP Class D ผลตอบแทนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานเช่นเดียวกัน โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 8.65% ย้อนหลัง6 เดือนอยู่ที่ 19.24% และ YTD อยู่ที่ 19.33% ส่วนเกณฑ์มาตรฐาน AIMC ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 4.79% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 8.31% และ YTD อยู่ที่ 9.72%
นางชวินดา กล่าวต่อไปว่า ทางด้านกองทุนตราสารหนี้ที่กำหนดอายุโครงการ สัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 124 ( KTSUPB 124 ) เสนอขายวันที่ 10-16 กันยายน 2557 อายุ 6 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภท เงินฝาก Bank of China เงินฝาก China Construction Bank , MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A. , MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil ) ในสัดส่วน 75%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน ผลตอบแทนประมาณ 2.55% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่าง การเปิดจำหน่ายรอบใหม่ ( Roll Over ) กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน 3 ( KTSIV3M3) เสนอขายถึงวันที่ 12 กันยายน 2557 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝากธนาคารออมสิน ธนาคารทิสโก้ ในสัดส่วน 36%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ผลตอบแทนประมาณ 2.35%
โดยกองทุน KTSE มีนโยบายลงทุนในตราสารทุน ไม่เกิน30 หลักทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ไม่รอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด ส่วนกองทุน KT-OPP Class D เป็นกองทุนที่กระจายลงทุนทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ 0-100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละขณะ ทั้งนี้ กองทุนอาจพิจารณานำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 79ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2557 กองทุนKTSE ย้อนหลัง3 เดือน อยู่ที่ 17.11 % ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 19.24% YTD อยู่ที่ 20.50% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน AIMC ที่กำหนดไว้ โดยย้อนหลัง3เดือนอยู่ที่ 10.87% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 19.24% และ YTD อยู่ที่ 20.50%
ส่วนกองทุน KT-OPP Class D ผลตอบแทนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานเช่นเดียวกัน โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 8.65% ย้อนหลัง6 เดือนอยู่ที่ 19.24% และ YTD อยู่ที่ 19.33% ส่วนเกณฑ์มาตรฐาน AIMC ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 4.79% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 8.31% และ YTD อยู่ที่ 9.72%
นางชวินดา กล่าวต่อไปว่า ทางด้านกองทุนตราสารหนี้ที่กำหนดอายุโครงการ สัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 124 ( KTSUPB 124 ) เสนอขายวันที่ 10-16 กันยายน 2557 อายุ 6 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภท เงินฝาก Bank of China เงินฝาก China Construction Bank , MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A. , MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil ) ในสัดส่วน 75%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน ผลตอบแทนประมาณ 2.55% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่าง การเปิดจำหน่ายรอบใหม่ ( Roll Over ) กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน 3 ( KTSIV3M3) เสนอขายถึงวันที่ 12 กันยายน 2557 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝากธนาคารออมสิน ธนาคารทิสโก้ ในสัดส่วน 36%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ผลตอบแทนประมาณ 2.35%
