ศูนย์วิจัยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ศึกษาการบริหารจัดการเงินของชาวนา หลังได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/2557 โดยนายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ระบุว่า เกือบร้อยละ 70 ของชาวนา นำเงินไปชำระหนี้ ส่วนใหญ่เป็นหนี้ในระบบ เช่น หนี้ ธ.ก.ส. กองทุนหมู่บ้าน และสหกรณ์ รองลงมาเป็นการใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าเล่าเรียนลูก และนำไปลงทุนประกอบอาชีพเสริม เช่น ค้าขาย ปลูกพืช และเลี้ยงสัตว์ ขณะที่ชาวนาออมเงินกันน้อยมากเพียงแค่ร้อยละ 2.3 เท่านั้น
ส่วนการกู้ยืมเงิน ธ.ก.ส.นั้น ชาวนานำเงินมาลงทุนเพาะปลูกข้าวรอบใหม่ โดยจ่ายเป็นค่าแรงงานมากที่สุดร้อยละ 40 รองลงมาคือ ค่าปุ๋ย สารเคมี ค่าเมล็ดพันธุ์ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเช่าที่นา ค่าซ่อมบำรุงอุปกรณ์ เครื่องจักรกลการเกษตร
สำหรับการจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวที่ค้างชำระให้แก่ชาวนา ผู้จัดการ ธ.ก.ส.ระบุว่า กระตุ้นเศรษฐกิจได้ชัดเจนมากในช่วงครึ่งหลังปี 2557 และเชื่อว่า เศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากสินค้าเกษตรเชื่อมโยงไปสู่การเพิ่มผลผลิตทางอุตสาหกรรมให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ส่วนการกู้ยืมเงิน ธ.ก.ส.นั้น ชาวนานำเงินมาลงทุนเพาะปลูกข้าวรอบใหม่ โดยจ่ายเป็นค่าแรงงานมากที่สุดร้อยละ 40 รองลงมาคือ ค่าปุ๋ย สารเคมี ค่าเมล็ดพันธุ์ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเช่าที่นา ค่าซ่อมบำรุงอุปกรณ์ เครื่องจักรกลการเกษตร
สำหรับการจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวที่ค้างชำระให้แก่ชาวนา ผู้จัดการ ธ.ก.ส.ระบุว่า กระตุ้นเศรษฐกิจได้ชัดเจนมากในช่วงครึ่งหลังปี 2557 และเชื่อว่า เศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากสินค้าเกษตรเชื่อมโยงไปสู่การเพิ่มผลผลิตทางอุตสาหกรรมให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
