xs
xsm
sm
md
lg

องค์การนิรโทษกรรมสากล ชี้คำพิพากษาคดีเขมรแดงก้าวสำคัญด้านยุติธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

องค์การนิรโทษกรรมสากล หรือ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเปิดเผยว่าคำพิพากษาให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดสองคนของเขมรแดงในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ โดยศาลพิเศษภายใต้ศาลยุติธรรมแห่งกัมพูชา (Extraordinary Chambers in the Courts of Cambodia - ECCC) ที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ นับเป็นก้าวย่างสำคัญด้านความยุติธรรม

วันที่ 7 สิงหาคม 2557 ศาลพิเศษกัมพูชา หรือที่เรียกว่า Khmer Rouge Tribunal มีคำพิพากษาในคดีเลขที่ 002/01 โดยตัดสินให้นวน เจีย อายุ 88 ปีและเขียว สัมพัน อายุ 83 ปี ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต

นวน เจียเป็นอดีตผู้บัญชาการสูงสุดคนที่สองในระบอบเขมรแดง ส่วนเขียว สัมพันเป็นอดีตประมุขของประเทศในช่วงเขมรแดง ทั้งคู่ถูกตั้งข้อหาหลายประการ รวมทั้งการบังคับให้ประชาชนต้องโยกย้ายถิ่นฐานจากพนมเปญและที่อื่น ๆ และการประหารชีวิตทหารของสาธารณรัฐเขมร ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ถูกเขมรแดงขับไล่ออกจากอำนาจ

ในคดีหมายเลข 002/01 มีผู้เสียหายเกือบ 4,000 คนที่เข้าร่วมในฐานะโจทก์ร่วม (Civil Parties) โดยมีสิทธิเต็มที่ในฐานะโจทก์ของคดีนี้ ทั้งในแง่การมีตัวแทนกฎหมายและมีโอกาสในการขอให้มีการเผชิญสืบ การเสนอชื่อและซักถามพยาน ก่อนจะมีศาลพิเศษกัมพูชา ยังไม่มีศาลระหว่างประเทศอื่นใดที่ไต่สวนคดีอาญาตามกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งให้สิทธิอย่างเป็นทางการกับผู้เสียหายในขั้นตอนการสอบสวน

ศาลตระหนักว่านวน เจีย และเขียว สัมพันต่างเป็นผู้อนาถา จึงไม่ได้มีคำสั่งให้บุคคลทั้งสองต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหาย แต่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบกับการเยียวยา 11 โครงการซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากภายนอกแล้ว แต่ไม่เห็นชอบกับสองโครงการ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีข้อมูลเพียงพอและยังไม่ได้รับทุนสนับสนุนจากภายนอก

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศาลพิเศษกัมพูชาจัดให้มีการไต่สวนภายในในคดีหมายเลข 002/02 ซึ่งเป็นคดีที่สองที่มีต่อนวน เจียและเขียว สัมพัน โดยจะเป็นคดีที่มีข้อกล่าวหากว้างขวางมากกว่า รวมทั้งในเรื่องการสังหารล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์

ในขณะเดียวกัน ยังมีการสอบสวนอีกสองคดีซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัยจำนวนสี่คน แต่ดูเหมือนว่าจะได้รับปัญหาจากการแทรกแซงทางการเมืองและการขัดขวาง ทำให้กระบวนการล่าช้าและเป็นการปฏิเสธสิทธิทั้งฝ่ายผู้ต้องสงสัยและผู้เสียหาย

รูเปิร์ต แอบบ็อต (Rupert Abbott) รองผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผย คำพิพากษาที่รอคอยกันมานานนับเป็นขั้นตอนสำคัญ ในการผดุงความยุติธรรมให้กับเหยื่อในยุคเขมรแดง และเน้นให้เห็นความสำคัญของการแก้ปัญหาการลอยนวลพ้นผิด

“แต่กรณีที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธไม่ยอมมาให้การ รวมทั้งข้อกล่าวหาว่ามีการแทรกแซงทางการเมืองในคดีอื่น ๆ ของศาลพิเศษกัมพูชา เป็นปัญหาสำคัญ และทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นธรรมของขั้นตอนปฏิบัติ และการเคารพสิทธิของผู้เสียหายที่จะได้รับฟังความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับอาชญากรรมตามข้อกล่าวหา”

“การไต่สวนคดีอย่างเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพถือเป็นเรื่องสำคัญมาก หากศาลพิเศษกัมพูชาต้องการทิ้งมรดกที่ส่งผลระยะยาวในแง่การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบยุติธรรมที่กำลังง่อนแง่นของกัมพูชา อีกทั้งเพื่อสนับสนุนความพยายามในการยุติวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดที่ยังฝังรากลึกอยู่”

“ศาลพิเศษกัมพูชาต้องไต่สวนคดีทั้งหมดให้เสร็จสิ้นในเวลาอันเหมาะสมและด้วยความเป็นธรรม ปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้รับความสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลกัมพูชาและประชาคมระหว่างประเทศ”

“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยินดีกับคำวินิจฉัยของศาล ซึ่งกำหนดให้มีการเยียวยา 11 โครงการสำหรับผู้เสียหาย และเรียกร้องให้มีการปฏิบัติตามอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดี รัฐบาลกัมพูชายังมีภารกิจอีกมากที่ต้องทำเพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเหยื่อทั้งหมด”
กำลังโหลดความคิดเห็น