พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา สบ 10 แถลงผลการจับกุมชาวต่างชาติ 4 คดี โดยคดีแรกตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจับกุมนายโจนาทาน แปลงท์ สัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งลักลอบขนกัญชา น้ำหนักประมาณ 750 กิโลกรัม มูลค่า 3.5 ล้านยูโร หรือกว่า 150 ล้านบาท จากประเทศสเปน เข้าประเทศฝรั่งเศส เมื่อต้นปี 2555 แต่ถูกตำรวจฝรั่งเศสจับกุม และควบคุมตัวที่สถานีตำรวจ จนกระทั่งวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 ผู้ต้องหาทำทีขอพบทนาย และหลบหนีไป ก่อนเดินทางมาพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับครอบครัว
คดีที่ 2 ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จับกุม นายอัลทาล เรซ สัญชาติฮังการี ข้อหาฆ่าคนตาย ใช้อาวุธสงครามและใช้อาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยถูกตำรวจสากลออกหมายจับวันที่ 24 สิงหาคม 2548 ภายหลังจากผู้ต้องหาก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับตระกูลคู่อริ ประมาณ 50 คน ก่อนจะใช้อาวุธปืน และระเบิดมือขว้างใส่ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บสาหัส 14 คน ซึ่งจากการสืบสวนของตำรวจพบว่า นายอัลทาล เดินทางเข้ามาหลบซ่อนตัวที่บ้านพักใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี 2551 ก่อนที่ศาลประเทศฮังการี ได้ตัดสินให้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต
คดีที่ 3 ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.ชลบุรี จับกุม นายฟรานเชสโก กัลเดลลี ชาวอิตาลี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเมืองมิลาน ในข้อหาฉ้อโกง รับของโจร แสดงตัวเป็นบุคคลอื่น จำหน่ายสินค้าปลอม และละเมิดลิขสิทธิ์ โดย นายฟรานเชสโก หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาศาล กระทั่งตำรวจพบว่า ผู้ต้องหาพักอยู่ที่โรงแรมดุสิตธานี วันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อที่จะไปติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูตอิตาลี
คดีสุดท้าย ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการประสานจากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ให้จับกุม นายจาง เจีย เว่ย นายหวัง อี้ เฉิน นายอู๋ ยวู โชว และนางสาวเฉิน ลี่ ยิน แก๊งคอลเซนเตอร์ชาวไต้หวัน ภายหลังจากทางการไต้หวันร่วมกับกัมพูชา ทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ในกรุงพนมเปญ จับกุมผู้ต้องหาได้ 13 คน ก่อนจะให้การซักทอดว่า มีเพื่อนร่วมแก๊งค์ทั้งหมด 21 คน โดยแยกย้ายหลบหนีเข้าประเทศไทย 4 คน และประเทศสิงค์โปร์ ต่อเนื่องมาเลเซีย อีก 4 คน ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้งหมด ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้เพิกถอนใบอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พร้อมนำรายชื่อขึ้นบัญชีดำ ก่อนผลักดันตัวออกนอกประเทศต่อไป
คดีที่ 2 ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จับกุม นายอัลทาล เรซ สัญชาติฮังการี ข้อหาฆ่าคนตาย ใช้อาวุธสงครามและใช้อาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยถูกตำรวจสากลออกหมายจับวันที่ 24 สิงหาคม 2548 ภายหลังจากผู้ต้องหาก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับตระกูลคู่อริ ประมาณ 50 คน ก่อนจะใช้อาวุธปืน และระเบิดมือขว้างใส่ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บสาหัส 14 คน ซึ่งจากการสืบสวนของตำรวจพบว่า นายอัลทาล เดินทางเข้ามาหลบซ่อนตัวที่บ้านพักใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี 2551 ก่อนที่ศาลประเทศฮังการี ได้ตัดสินให้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต
คดีที่ 3 ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.ชลบุรี จับกุม นายฟรานเชสโก กัลเดลลี ชาวอิตาลี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเมืองมิลาน ในข้อหาฉ้อโกง รับของโจร แสดงตัวเป็นบุคคลอื่น จำหน่ายสินค้าปลอม และละเมิดลิขสิทธิ์ โดย นายฟรานเชสโก หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาศาล กระทั่งตำรวจพบว่า ผู้ต้องหาพักอยู่ที่โรงแรมดุสิตธานี วันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อที่จะไปติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูตอิตาลี
คดีสุดท้าย ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการประสานจากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ให้จับกุม นายจาง เจีย เว่ย นายหวัง อี้ เฉิน นายอู๋ ยวู โชว และนางสาวเฉิน ลี่ ยิน แก๊งคอลเซนเตอร์ชาวไต้หวัน ภายหลังจากทางการไต้หวันร่วมกับกัมพูชา ทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ในกรุงพนมเปญ จับกุมผู้ต้องหาได้ 13 คน ก่อนจะให้การซักทอดว่า มีเพื่อนร่วมแก๊งค์ทั้งหมด 21 คน โดยแยกย้ายหลบหนีเข้าประเทศไทย 4 คน และประเทศสิงค์โปร์ ต่อเนื่องมาเลเซีย อีก 4 คน ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้งหมด ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้เพิกถอนใบอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พร้อมนำรายชื่อขึ้นบัญชีดำ ก่อนผลักดันตัวออกนอกประเทศต่อไป
