นายสุชาติ สินรัตน์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงการเดินหน้าฟื้นตลาดกลางข้าวสาร ว่า การส่งเสริมตลาดกลางเป็นภารกิจหลักของกรมการค้าภายในที่ได้ดำเนินการมา โดยขณะนี้มีตลาดกลางอยู่ทั้งหมด 61 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีโครงการรับจำนำข้าว ทำให้ชาวนามุ่งจะนำข้าวเข้าโครงการ แต่เมื่อยกเลิกโครงการดังกล่าวแล้ว เชื่อว่าจะเกิดการแข่งขัน ซึ่งชาวนาจะหันมาเลือกผลิตสินค้าที่เป็นความต้องการของตลาด และทำให้ผู้ซื้อกับผู้ขายได้มาเจรจากันโดยตรง โดยมั่นใจว่าตลาดกลางเป็นกลไกสำคัญซึ่งจะช่วยให้ราคาข้าวเป็นไปตามกลไกของตลาด และมีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมตั้งเป้าในอนาคตจะเปิดตลาดกลางให้ครบทุกภาค
ขณะที่นายเพิ่มศักดิ์ ประจงกลาง ผู้จัดการตลาดกลางข้าวจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า การฟื้นกลไกลตลาดกลางเป็นเรื่องถูกต้อง เพื่อส่งเสริมให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้มาสั่งซื้อโดยตรงไม่ต้องผ่านคนกลาง ซึ่งการที่จังหวัดสุพรรณบุรีถูกเลือกให้เป็นตลาดประมูลราคาข้าวสารแห่งที่ 2 ของประเทศไทย เนื่องจากเป็นจุดรวบรวมแหล่งการผลิตข้าว และโรงสีในภาคกลางที่มีเป็นจำนวนมาก จึงเชื่อว่า การมีตลาดกลางจะทำให้แก้ไขปัญหาให้กับผู้ซื้อและผู้ขายได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 ที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่อาเซียน มั่นใจว่าจะทำให้มีผู้ซื้อชาวต่างชาติ และประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาดูตลาดกลางข้าวสารและสั่งซื้อข้าวในประเทศไทยมากขึ้น
ขณะที่นายเพิ่มศักดิ์ ประจงกลาง ผู้จัดการตลาดกลางข้าวจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า การฟื้นกลไกลตลาดกลางเป็นเรื่องถูกต้อง เพื่อส่งเสริมให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้มาสั่งซื้อโดยตรงไม่ต้องผ่านคนกลาง ซึ่งการที่จังหวัดสุพรรณบุรีถูกเลือกให้เป็นตลาดประมูลราคาข้าวสารแห่งที่ 2 ของประเทศไทย เนื่องจากเป็นจุดรวบรวมแหล่งการผลิตข้าว และโรงสีในภาคกลางที่มีเป็นจำนวนมาก จึงเชื่อว่า การมีตลาดกลางจะทำให้แก้ไขปัญหาให้กับผู้ซื้อและผู้ขายได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 ที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่อาเซียน มั่นใจว่าจะทำให้มีผู้ซื้อชาวต่างชาติ และประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาดูตลาดกลางข้าวสารและสั่งซื้อข้าวในประเทศไทยมากขึ้น
