นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากการประสานข้อมูลสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย มีกำลังแรงขึ้นประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำ ปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะตอนบนของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และด้านตะวันตกของประเทศ โดยเฉพาะบริเวณที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ และชายฝั่งทะเล
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้ประสาน 30 จังหวัด แยกเป็นภาคตะวันตก 2 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี และตาก ภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู เลย สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ภาคตะวันออก 6 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 2 สุพรรณบุรี เขต 7 สกลนคร เขต 9 พิษณุโลก เขต 10 ลำปาง เขต 11 สุราษฎร์ธานี เขต 14 อุดรธานี เขต 15 เชียงราย เขต 17 จันทบุรีและเขต 18 ภูเก็ต เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 22 – 26 กรกฎาคมนี้ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ และมิสเตอร์เตือนภัย เพื่อติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเฉพาะที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ที่ลาดเชิงเขา จุดอ่อนน้ำท่วมขัง พร้อมตรวจสอบเขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ คันกั้นน้ำให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง
ทั้งนี้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยควรติดตามพยากรณ์อากาศ และประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด รวมถึงหมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติจะได้อพยพหนีภัยทันท่วงที ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง ชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ อีกทั้งควรงดการท่องเที่ยวและประกอบกิจกรรมทางทะเล เพื่อป้องกันอันตรายจากคลื่นสูงกำลังแรง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้ประสาน 30 จังหวัด แยกเป็นภาคตะวันตก 2 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี และตาก ภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู เลย สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ภาคตะวันออก 6 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 2 สุพรรณบุรี เขต 7 สกลนคร เขต 9 พิษณุโลก เขต 10 ลำปาง เขต 11 สุราษฎร์ธานี เขต 14 อุดรธานี เขต 15 เชียงราย เขต 17 จันทบุรีและเขต 18 ภูเก็ต เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 22 – 26 กรกฎาคมนี้ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ และมิสเตอร์เตือนภัย เพื่อติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเฉพาะที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ที่ลาดเชิงเขา จุดอ่อนน้ำท่วมขัง พร้อมตรวจสอบเขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ คันกั้นน้ำให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง
ทั้งนี้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยควรติดตามพยากรณ์อากาศ และประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด รวมถึงหมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติจะได้อพยพหนีภัยทันท่วงที ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง ชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ อีกทั้งควรงดการท่องเที่ยวและประกอบกิจกรรมทางทะเล เพื่อป้องกันอันตรายจากคลื่นสูงกำลังแรง
