นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกประกาศให้มีการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) นั้น เป็นการเห็นชอบให้มีการขยายเวลาการจัดเก็บภาษีดังกล่าวที่อัตรา 7% ออกไปอีก 1 ปี คือในปีงบประมาณ 58 ตั้ง แต่ 1 ต.ค. 57-30 ก.ย. 58
ทั้งนี้ ในส่วนที่ประกาศให้มีการลดภาษีแวตเหลือ 6.3% นั้น ยังไม่รวมการเรียกเก็บภาษีแวตแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในอัตรา 1 ใน 9 ของอัตราภาษีที่จัดเก็บอยู่ หรืออัตรา 0.7% ดังนั้นหากรวมในส่วนของ อปท. แล้ว อัตราภาษีแวตจะยังคงอยู่ที่ระดับ 7% เช่นเดิม
สำหรับการจัดเก็บภาษีแวตในปีงบประมาณ 59 ตั้งแต่ 1ต.ค. 58-30 ก.ย. 59 นั้น หากพิจารณาตามประกาศแล้ว จะพบว่าอัตราการจัดเก็บภาษีแวตจะอยู่ที่ 10% ซึ่งเป็นอัตราการจัดเก็บปกติตามกฎหมายของกรมสรรพากร
ปีงบ 59 ตามประกาศของ คสช. ที่ให้เก็บภาษีแวตที่ 9% นั้น ก็ยังไม่ได้มีการคำนวณการเรียกเก็บภาษีแทน อปท. ที่อัตรา 1 ใน 9 ของอัตราที่จัดเก็บเช่นกัน โดยในปีงบ 59 กรมอาจต้องดูแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศอีกครั้ง ถ้าการจัดเก็บที่อัตราปกติเป็นภาระประชาชน ก็อาจประกาศอัตราการจัดเก็บใหม่ที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ เช่น อัตรา 8%
นายประสงค์ กล่าวอีกว่า การปรับขึ้นอัตราภาษีแวต 1% จะทำให้กรมสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น 6-7 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกประกาศฉบับที่ 92/2557 เรื่อง การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มระบุว่า โดยที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาเห็นเป็นการสมควรลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเป็นการผลักดันและกระตุ้นกลไกทางเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนมีกำลังในการใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคอันจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง จึงให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังต่อไปนี้
ข้อ 1.ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 549) พ.ศ.2555
ข้อ 2.ให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร และคงจัดเก็บในอัตราดังต่อไปนี้
(1.) ร้อยละหกจุดสาม สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งการรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2557 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2558
(2) ร้อยละเก้า สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งการรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2558 เป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับนี้มีผลใช้บังคับเช่นเดียวกับพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ.2534
ข้อ 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับนี้
ข้อ 5 ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2557 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ในส่วนที่ประกาศให้มีการลดภาษีแวตเหลือ 6.3% นั้น ยังไม่รวมการเรียกเก็บภาษีแวตแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในอัตรา 1 ใน 9 ของอัตราภาษีที่จัดเก็บอยู่ หรืออัตรา 0.7% ดังนั้นหากรวมในส่วนของ อปท. แล้ว อัตราภาษีแวตจะยังคงอยู่ที่ระดับ 7% เช่นเดิม
สำหรับการจัดเก็บภาษีแวตในปีงบประมาณ 59 ตั้งแต่ 1ต.ค. 58-30 ก.ย. 59 นั้น หากพิจารณาตามประกาศแล้ว จะพบว่าอัตราการจัดเก็บภาษีแวตจะอยู่ที่ 10% ซึ่งเป็นอัตราการจัดเก็บปกติตามกฎหมายของกรมสรรพากร
ปีงบ 59 ตามประกาศของ คสช. ที่ให้เก็บภาษีแวตที่ 9% นั้น ก็ยังไม่ได้มีการคำนวณการเรียกเก็บภาษีแทน อปท. ที่อัตรา 1 ใน 9 ของอัตราที่จัดเก็บเช่นกัน โดยในปีงบ 59 กรมอาจต้องดูแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศอีกครั้ง ถ้าการจัดเก็บที่อัตราปกติเป็นภาระประชาชน ก็อาจประกาศอัตราการจัดเก็บใหม่ที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ เช่น อัตรา 8%
นายประสงค์ กล่าวอีกว่า การปรับขึ้นอัตราภาษีแวต 1% จะทำให้กรมสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น 6-7 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกประกาศฉบับที่ 92/2557 เรื่อง การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มระบุว่า โดยที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาเห็นเป็นการสมควรลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเป็นการผลักดันและกระตุ้นกลไกทางเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนมีกำลังในการใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคอันจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง จึงให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังต่อไปนี้
ข้อ 1.ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 549) พ.ศ.2555
ข้อ 2.ให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร และคงจัดเก็บในอัตราดังต่อไปนี้
(1.) ร้อยละหกจุดสาม สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งการรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2557 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2558
(2) ร้อยละเก้า สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งการรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2558 เป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับนี้มีผลใช้บังคับเช่นเดียวกับพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ.2534
ข้อ 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับนี้
ข้อ 5 ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2557 เป็นต้นไป