นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวถึงสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ต้องเฝ้าระวังในช่วง 17-21 กรกฎาคมนี้ ว่า อาจมีฝนตกเพิ่มขึ้น และเสี่ยงมีน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ใน 35 จังหวัด คือ ภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ จ.ตาก ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ จ.สกลนคร มุกดาหาร นครพนม อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ เลย หนองบัวลำภู อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ
ขณะที่ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ จ.กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ระยอง จันทบุรี ชลบุรี และตราด
ส่วนภาคใต้ตอนบน 8 จังหวัด ได้แก่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา นครศรีธรรมราช ภูเก็ต กระบี่ และตรัง
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ และที่ราบเชิงเขา รวมทั้งพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น โดยพื้นที่ใดมีฝนตกหนัก ขอให้ติดตามคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หรือโทรศัพท์สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อพร้อมรับมือกับเหตุภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้
ขณะที่ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ จ.กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ระยอง จันทบุรี ชลบุรี และตราด
ส่วนภาคใต้ตอนบน 8 จังหวัด ได้แก่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา นครศรีธรรมราช ภูเก็ต กระบี่ และตรัง
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ และที่ราบเชิงเขา รวมทั้งพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น โดยพื้นที่ใดมีฝนตกหนัก ขอให้ติดตามคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หรือโทรศัพท์สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อพร้อมรับมือกับเหตุภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้
