นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า การเปิดให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี 2557/2558 ขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับการช่วยเหลือจากภาครัฐ ตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น โดยหลักแล้วจะทำให้ทราบข้อมูลการเกษตร โดยเฉพาะในส่วนของข้าว เมื่อมีโครงการจากรัฐที่จะช่วยเหลือสินค้าใดนั้น จะต้องขึ้นทะเบียนอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปี โดยเกษตรกรจะได้รับประโยชน์หลายด้าน ทั้งโอกาสและความช่วยเหลือจากรัฐ เรื่องของสินเชื่อ องค์ความรู้ และการประสานการแก้ปัญหาต่างๆ โดยการขึ้นทะเบียนครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านมาในเรื่องของการออกใบรับรอง ที่อดีตเป็นการรับรองเพื่อนำไปสู่การจำหน่ายผลผลิต แต่ครั้งนี้จะเป็นรูปแบบการช่วยเหลือด้านการผลิต คือการลดต้นทุน โดยเจ้าหน้าที่ได้ออกดำเนินการและเน้นย้ำในเรื่องของความรวดเร็ว ความถูกต้อง เหมาะสม
ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถแจ้งนัดหมายขึ้นทะเบียนได้ที่ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต. โดยเริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคม ถึงพฤศจิกายน ยกเว้นภาคใต้ที่จะสิ้นสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยผู้ขึ้นทะเบียนรายเดิม เจ้าหน้าที่จะใช้ฐานข้อมูลในการช่วยตรวจสอบก่อนรวบรวมข้อมูลติดประกาศที่ อบต. หากไม่มีการร้องคัดค้าน ก็จะเป็นขั้นตอนการออกใบรับรอง
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงกรณีการขึ้นทะเบียนรายใหม่ ว่า เกษตรกรต้องเตรียมเอกสารสำคัญ คือ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เอกสารสิทธิ์ในที่ดิน กรณีเช่าที่ดินก็ต้องแสดงหลักฐานการเช่า
ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถแจ้งนัดหมายขึ้นทะเบียนได้ที่ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต. โดยเริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคม ถึงพฤศจิกายน ยกเว้นภาคใต้ที่จะสิ้นสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยผู้ขึ้นทะเบียนรายเดิม เจ้าหน้าที่จะใช้ฐานข้อมูลในการช่วยตรวจสอบก่อนรวบรวมข้อมูลติดประกาศที่ อบต. หากไม่มีการร้องคัดค้าน ก็จะเป็นขั้นตอนการออกใบรับรอง
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงกรณีการขึ้นทะเบียนรายใหม่ ว่า เกษตรกรต้องเตรียมเอกสารสำคัญ คือ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เอกสารสิทธิ์ในที่ดิน กรณีเช่าที่ดินก็ต้องแสดงหลักฐานการเช่า