เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ผู้ค้าในตลาดนัดจตุจักร อีก 178 ราย เป็นผู้ร้องสอดในคดีที่ ผู้ค้าในตลาดนัดจตุจักร นำโดยนายสงวน ดำรงค์ไทย กับพวกรวม 789 ราย ฟ้องการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กับพวกรวม 3 ราย ในคดีที่ ร.ฟ.ท. ออกประกาศเรียกเก็บค่าเช่าแผงค้าในอัตราที่แพงเกินกฏหมายกำหนด โดย
ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองชั้นต้น มีคำสั่งไม่รับคำร้องสอดของผู้ค้าทั้ง 178 ราย ซึ่งเป็นผู้ฟ้องในลำดับที่ 621 - 789 ไว้พิจารณา เนื่องจากเห็นว่าฟ้องเกิน 90 วัน นับแต่วันรู้หรือควรรู้เหตุแห่งการฟ้อง โดยศาลได้ยึดประกาศเรียกเก็บค่าเช่าแผงของ ร.ฟ.ท. ฉบับวันที่ 2 มี.ค. 2555 เป็นเหตุที่ควรฟ้องคดีแล้ว แต่ศาลปกครองสูงสุด กลับเห็นว่า ร.ฟ.ท. ได้มีการออกประกาศหลายฉบับในการนำมาใช้บังคับกับผู้ค้าสินค้าแต่ละประเภท ในวันและเวลาที่แตกต่างกัน จึงทำให้กรอบระยะเวลาที่รู้หรือควรรู้เหตุแห่งการฟ้องคดี ย่อมแตกต่างกันไปด้วย ซึ่งเมื่อพิจารณาประกาศของ รฟท. ที่ออกมามีผลบังคับใช้ต่อผู้ค้าทั้ง 178 ราย พบว่าการฟ้องคดีต่อศาลปกครองของผู้ค้าทั้ง 178 ราย ไม่เกินกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ศาลฯ จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นให้รับคำร้องสอดของผู้ค้าทั้ง 178 ราย ไว้พิจารณา
ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองชั้นต้น มีคำสั่งไม่รับคำร้องสอดของผู้ค้าทั้ง 178 ราย ซึ่งเป็นผู้ฟ้องในลำดับที่ 621 - 789 ไว้พิจารณา เนื่องจากเห็นว่าฟ้องเกิน 90 วัน นับแต่วันรู้หรือควรรู้เหตุแห่งการฟ้อง โดยศาลได้ยึดประกาศเรียกเก็บค่าเช่าแผงของ ร.ฟ.ท. ฉบับวันที่ 2 มี.ค. 2555 เป็นเหตุที่ควรฟ้องคดีแล้ว แต่ศาลปกครองสูงสุด กลับเห็นว่า ร.ฟ.ท. ได้มีการออกประกาศหลายฉบับในการนำมาใช้บังคับกับผู้ค้าสินค้าแต่ละประเภท ในวันและเวลาที่แตกต่างกัน จึงทำให้กรอบระยะเวลาที่รู้หรือควรรู้เหตุแห่งการฟ้องคดี ย่อมแตกต่างกันไปด้วย ซึ่งเมื่อพิจารณาประกาศของ รฟท. ที่ออกมามีผลบังคับใช้ต่อผู้ค้าทั้ง 178 ราย พบว่าการฟ้องคดีต่อศาลปกครองของผู้ค้าทั้ง 178 ราย ไม่เกินกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ศาลฯ จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นให้รับคำร้องสอดของผู้ค้าทั้ง 178 ราย ไว้พิจารณา
