ร.อ. น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ครั้งที่ 1/2557 ที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกันยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.เป็นประธานการประชุม ที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการตามแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2557 โดยการกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต และการส่งเสริมการแปรรูป โดยอนุมัติวงเงิน 50,927,000 บาท แยกเป็นเงินทุนหมุนเวียน 2,800,000 บาท และเงินจ่ายขาดวงเงิน 48,127,000 บาท
สำหรับมาตรการกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต มีเป้าหมายผลผลิต 27,870 ตัน โดยสนับสนุนเงินชดเชยค่าขนส่ง และค่าบริหารจัดการผลผลิต ในอัตรากิโลกรัมละ 2.50 บาท
นอกจากนี้ ยังจะเสริมสภาพคล่องในการซื้อขายผลไม้ มีเป้าหมายผลผลิต 11,970 ตัน โดยสนับสนุนเงินชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 3 ต่อปี ที่กู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยวงเงินกู้รวมไม่เกิน 218 ล้านบาท
ทั้งนี้ การช่วยเหลือค่าขนส่งและค่าบริหารจัดการผลผลิต ให้คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด กำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไข วิธีปฏิบัติ การกำกับดูแล และระดับราคาผลไม้ ที่จะเข้าไปช่วยเหลือเช่นเดียวกับปีก่อน โดยให้ประโยชน์ตกถึงเกษตรกร และได้รับราคาจำหน่ายผลผลิตที่เป็นธรรม สอดคล้องกับต้นทุนการผลิต และให้มีผู้แทนเกษตรกรร่วมพิจารณาด้วย
ส่วนมาตรการส่งเสริมการแปรรูป มีเป้าหมายผลผลิต 850 ตัน ประกอบด้วย การส่งเสริมการแปรรูปมังคุดและเงาะ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม จ.ตราด เป้าหมาย 500 ตัน โดยสนับสนุนเงินชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 3 ต่อปี วงเงินกู้ไม่เกิน 15 ล้านบาท และการจัดหาวัตถุดิบในการแปรรูป จ.จันทบุรี เป้าหมาย 350 ตัน สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย 2,800,000 บาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้ยกเว้นเบี้ยปรับจากการผิดนัดชำระหนี้ ตามกรอบแนวทางการติดตามการชำระหนี้กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้แก่กลุ่มเกษตรกร จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นลูกหนี้โครงการสนับสนุนการจัดซื้อเตาอบ และเงินทุนหมุนเวียนรับซื้อลิ้นจี่เพื่อแปรรูป ปี 2540 จำนวน 26,631 บาท จำนวน 11 กลุ่ม ที่ได้ชำระเงินต้นและค่าเบี้ยปรับรวมกันแล้ว เกินกว่าเงินต้นที่กู้ยืม โดยให้นำค่าเบี้ยปรับที่กลุ่มเกษตรกรชำระแล้วมาชำระเป็นเงินต้นที่คงค้าง จำนวน 107,691 บาท เพื่อปรับลดภาระหนี้และตัดออกจากบัญชีลูกหนี้คงค้างของกรมส่งเสริมการเกษตร
สำหรับค่าเบี้ยปรับที่ชำระไว้เกินกว่าเงินต้น จำนวน 63,059 บาท ให้ยกเป็นรายได้ของกองทุนรวมฯ ทั้งนี้ การยกเว้นเบี้ยปรับดังกล่าว ให้ครอบคลุมถึงกลุ่มเกษตรกรลูกหนี้กลุ่มอื่นที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้ติดตามเร่งรัดการชำระหนี้ และได้ดำเนินการตามเงื่อนไข โดยให้เร่งรัดตรวจสอบกลุ่มเกษตรกรลูกหนี้โครงการที่เหลือ และใช้กรอบแนวทางเช่นเดียวกัน เพื่อให้สามารถปิดบัญชีโครงการได้โดยเร็ว
สุดท้าย ที่ประชุมได้อนุมัติให้ขยายระยะเวลาโครงการเงินกู้เพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตในการทำนา ฤดูกาลผลิตปี 2547/2548 จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2554 เป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2557 ด้วย เพื่อให้กรมการปกครองได้นัดติดตามการชำระหนี้คงค้าง และนำเงินส่งคืนกองทุนรวมเพื่่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อปิดบัญชีโครงการต่อไป
สำหรับมาตรการกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต มีเป้าหมายผลผลิต 27,870 ตัน โดยสนับสนุนเงินชดเชยค่าขนส่ง และค่าบริหารจัดการผลผลิต ในอัตรากิโลกรัมละ 2.50 บาท
นอกจากนี้ ยังจะเสริมสภาพคล่องในการซื้อขายผลไม้ มีเป้าหมายผลผลิต 11,970 ตัน โดยสนับสนุนเงินชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 3 ต่อปี ที่กู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยวงเงินกู้รวมไม่เกิน 218 ล้านบาท
ทั้งนี้ การช่วยเหลือค่าขนส่งและค่าบริหารจัดการผลผลิต ให้คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด กำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไข วิธีปฏิบัติ การกำกับดูแล และระดับราคาผลไม้ ที่จะเข้าไปช่วยเหลือเช่นเดียวกับปีก่อน โดยให้ประโยชน์ตกถึงเกษตรกร และได้รับราคาจำหน่ายผลผลิตที่เป็นธรรม สอดคล้องกับต้นทุนการผลิต และให้มีผู้แทนเกษตรกรร่วมพิจารณาด้วย
ส่วนมาตรการส่งเสริมการแปรรูป มีเป้าหมายผลผลิต 850 ตัน ประกอบด้วย การส่งเสริมการแปรรูปมังคุดและเงาะ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม จ.ตราด เป้าหมาย 500 ตัน โดยสนับสนุนเงินชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 3 ต่อปี วงเงินกู้ไม่เกิน 15 ล้านบาท และการจัดหาวัตถุดิบในการแปรรูป จ.จันทบุรี เป้าหมาย 350 ตัน สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย 2,800,000 บาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้ยกเว้นเบี้ยปรับจากการผิดนัดชำระหนี้ ตามกรอบแนวทางการติดตามการชำระหนี้กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้แก่กลุ่มเกษตรกร จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นลูกหนี้โครงการสนับสนุนการจัดซื้อเตาอบ และเงินทุนหมุนเวียนรับซื้อลิ้นจี่เพื่อแปรรูป ปี 2540 จำนวน 26,631 บาท จำนวน 11 กลุ่ม ที่ได้ชำระเงินต้นและค่าเบี้ยปรับรวมกันแล้ว เกินกว่าเงินต้นที่กู้ยืม โดยให้นำค่าเบี้ยปรับที่กลุ่มเกษตรกรชำระแล้วมาชำระเป็นเงินต้นที่คงค้าง จำนวน 107,691 บาท เพื่อปรับลดภาระหนี้และตัดออกจากบัญชีลูกหนี้คงค้างของกรมส่งเสริมการเกษตร
สำหรับค่าเบี้ยปรับที่ชำระไว้เกินกว่าเงินต้น จำนวน 63,059 บาท ให้ยกเป็นรายได้ของกองทุนรวมฯ ทั้งนี้ การยกเว้นเบี้ยปรับดังกล่าว ให้ครอบคลุมถึงกลุ่มเกษตรกรลูกหนี้กลุ่มอื่นที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้ติดตามเร่งรัดการชำระหนี้ และได้ดำเนินการตามเงื่อนไข โดยให้เร่งรัดตรวจสอบกลุ่มเกษตรกรลูกหนี้โครงการที่เหลือ และใช้กรอบแนวทางเช่นเดียวกัน เพื่อให้สามารถปิดบัญชีโครงการได้โดยเร็ว
สุดท้าย ที่ประชุมได้อนุมัติให้ขยายระยะเวลาโครงการเงินกู้เพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตในการทำนา ฤดูกาลผลิตปี 2547/2548 จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2554 เป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2557 ด้วย เพื่อให้กรมการปกครองได้นัดติดตามการชำระหนี้คงค้าง และนำเงินส่งคืนกองทุนรวมเพื่่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อปิดบัญชีโครงการต่อไป