นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ ตนได้เรียกประชุมระดับผู้บริหารของกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยจะมีการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ของกรมอุทยานฯ และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ของกรมป่าไม้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงและกำชับแนวทางการทำงานที่ต้องเข้มงวดมากยิ่งขึ้นในทุกๆ ด้าน แต่ละพื้นที่ต้องไม่ปล่อยปละละเลยให้เกิดปัญหาต่างๆ เหมือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ป่าสาละวิน จ.แม่ฮ่องสอน และพื้นที่ภาคเหนือ เป็นต้น
นอกจากนั้น จะมีการหารือถึงการปรับโครงสร้างการทำงานของ 2 กรม คือ กรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯ ที่เวลานี้มีความซ้ำซ้อนและไม่สมดุลในเรื่องจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ทั้งที่ 2 หน่วยงานก็มีพื้นที่รับผิดชอบใกล้เคียงกัน แต่กรมป่าไม้มีข้าราชการเพียง 3,000 คน ขณะที่กรมอุทยานฯ มีอัตราข้าราชการ 7,000-8,000 คน ซึ่งเป็นปัญหามาตั้งแต่การแบ่งกรมแล้ว ดังนั้น จึงต้องตัดคนจากกรมอุทยานฯ มาที่กรมป่าไม้ โดยเฉพาะในส่วนของงานป้องกัน ซึ่งเรื่องนี้มีการพูดคุยกันมาตลอดแต่ยังดำเนินการไม่สำเร็จ ทำให้เกิดปัญหาในการดูแลพื้นที่ อย่างไรก็ตามกรณีนี้ไม่ใช่การยุบรวมกรม ซึ่งต้องนำเข้าพิจารณาในสภา แต่เป็นการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ อ.ก.พ.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็สามารถดำเนินการได้แล้ว ซึ่งตอนนี้ตนทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะพยายามดำเนินการให้สำเร็จให้ได้
ทั้งนี้ การดำเนินการเรื่องนี้จะเป็นการผ่าตัดใหญ่ โดยจะต้องโอนข้าราชการจากสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า สำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำกรมอุทยานฯ เป็นพันตำแหน่ง รวมทั้งงบประมาณอีกปีละ 4,000-5,000 ล้านบาท มาให้กรมป่าไม้ เพราะที่ผ่านมากรมอุทยานฯ ได้รับการจัดสรรงบประมาณปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท ในขณะที่กรมป่าไม้ได้รับเพียงปีละ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ต้องคุยกันให้จบภายในสัปดาห์นี้
นอกจากนั้น จะมีการหารือถึงการปรับโครงสร้างการทำงานของ 2 กรม คือ กรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯ ที่เวลานี้มีความซ้ำซ้อนและไม่สมดุลในเรื่องจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ทั้งที่ 2 หน่วยงานก็มีพื้นที่รับผิดชอบใกล้เคียงกัน แต่กรมป่าไม้มีข้าราชการเพียง 3,000 คน ขณะที่กรมอุทยานฯ มีอัตราข้าราชการ 7,000-8,000 คน ซึ่งเป็นปัญหามาตั้งแต่การแบ่งกรมแล้ว ดังนั้น จึงต้องตัดคนจากกรมอุทยานฯ มาที่กรมป่าไม้ โดยเฉพาะในส่วนของงานป้องกัน ซึ่งเรื่องนี้มีการพูดคุยกันมาตลอดแต่ยังดำเนินการไม่สำเร็จ ทำให้เกิดปัญหาในการดูแลพื้นที่ อย่างไรก็ตามกรณีนี้ไม่ใช่การยุบรวมกรม ซึ่งต้องนำเข้าพิจารณาในสภา แต่เป็นการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ อ.ก.พ.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็สามารถดำเนินการได้แล้ว ซึ่งตอนนี้ตนทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะพยายามดำเนินการให้สำเร็จให้ได้
ทั้งนี้ การดำเนินการเรื่องนี้จะเป็นการผ่าตัดใหญ่ โดยจะต้องโอนข้าราชการจากสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า สำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำกรมอุทยานฯ เป็นพันตำแหน่ง รวมทั้งงบประมาณอีกปีละ 4,000-5,000 ล้านบาท มาให้กรมป่าไม้ เพราะที่ผ่านมากรมอุทยานฯ ได้รับการจัดสรรงบประมาณปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท ในขณะที่กรมป่าไม้ได้รับเพียงปีละ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ต้องคุยกันให้จบภายในสัปดาห์นี้