"หงา คาราวาน" ตอบ "สิงห์ สนามหลวง" บางช่วงชีวิตเป็นวิถีที่ต้องเป็นไปทั้งการร่วมเคลื่อนไหวการเมืองหรือการเข้าป่า โดยเป็นความพึงใจไม่ต้องการลาภยศชัยชนะหรือพ่ายแพ้ ไม่ต้องการวิวาทะกับมิตรน้ำหมึก อย่าซีเรียสการเมือง ย้ำรู้ดีว่าการเมืองเป็นเรื่องอำนาจ-ผลประโยชน์ หากตกเป็นของประชาชนก็ควรทำ-ถ้าผลตรงข้ามก็ไม่ควรทำ
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี เจ้าของนามปากกาสิงห์สนามหลวง โพสต์สเตตัสแสดงเหตุผลว่าเหตุใดจึงไม่ยอมรับรัฐประหาร โดยเป็นการตอบโต้สเตตัสนายสุรชัย จันทิมาธร หรือหงา คาราวาน ที่แสดงความเห็นว่า การประท้วงรัฐประหาร คือการเรียกร้องให้เอาทักษิณและยิ่งลักษณ์คืนมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. นายสุรชัยได้เขียนคำชี้แจงในเฟซบุค "ท.เสน สัญจร" มีรายละเอียดดังนี้
เรียนท่านสวัสดิ์ศรี สุชาติ ครับพี่
อย่าถือว่าเป็นวิวาทะอะไรกันเลยครับ ผมคงมิเกิดอหังการ์อะไรขนาดนั้นได้ อีกประการหนึ่ง ผมก็เผลอลืมเกียรติตำแหน่งที่สังคมหยิบยื่นให้ในบางเวลาที่มันติดพันกับภาระหน้าที่อันเป็นกังวลอยู่ ภาระหน้าที่ดังกล่าวก็มิใช่เป็นสิ่งที่ใครเขาหยิบยื่นให้ทำ ผมไปคิดเองทำเองทั้งสิ้นในสำนึกง่ายๆว่าเราเป็นหนึ่งในสังคมที่เป็นอยู่อันหลากหลาย พื้นที่ผมใช้อยู่เป็นที่เฉพาะตนด้วยซ้ำไป ผมดีใจที่มีสนามส่วนตัวได้แสดงออกเท่าที่มีโอกาส โดยไม่เป็นการรบกวนกระบวนการตรวจสอบจากบรรณาธิการใดๆ แปลว่าผมมีหนังสือของผมเองที่อาจจะมีคนอ่านอยู่ร้อยสองร้อยหรือถึงสามร้อยคนแล้วแต่กรณี ผมก็ค่อนข้างจะมีความสุขเล็กๆที่มีโอกาสฝึกคิดฝึกเขียนอยู่เสมอๆ อันนี้คือปณิธานที่ตั้งไว้
ในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา ผมเพิ่งรู้ตัวว่ายังพอฟื้นงานเขียนอันเป็นที่รักมาแต่เริ่มต้นได้ โดยไม่เกร็งไม่แข็งจนด้านไปเหมือนที่เคยกังวล สิ่งที่น่ากลัวสำหรับนักเขียนก็คือ เขียนหนังสือไม่ออกหลังจากเขาเขียนมาแล้วระดับหนึ่ง ปัจจุบันนี้บทกลอนที่ผมเขียนสั้นๆลงเฟซบุ๊ค เพียงปรารถนาฝึกมือเท่านั้น เหมือนช่างเขียนรูปถ้าไม่หมั่นสเก็ทช์ มือของเขาก็จะไม่เดินเส้นได้สะดวก
ผมเขียนเรื่องสั้นสองเรื่องครึ่ง (หมายถึงเรื่องที่สามกำลังเขียนอยู่) ผมก็ไม่อยากจะส่งไปลงพิมพ์ที่ไหนเหมือนที่เคยทำ ผมเก็บมันไว้ตรวจทานแก้ไขทีละน้อย ไม่ดิ้นรนที่จะอยากตีพิมพ์เหมือนอย่างเคย และยังอยากเขียนให้ได้มากกว่านี้ ทั้งที่ไม่ค่อยมีเวลา
เวลาหมดไปกับการทำมาหากิน อาชีพวงดนตรีสำหรับผมยังพอหากินได้ มันเป็นรายได้เดียวที่ทำให้ผมดำรงชีวิตอยู่ โดยไม่ต้องแบมือขอเงินใครอย่างที่เคย ความตั้งใจประการหนึ่งก็คืออยากอยู่ให้ได้เหมือนลิเกหมอลำเขาเคยอยู่กันมา เพลงที่เราเขียนเราร้องก็น่าจะเป็นเช่นนั้น หรือมิใช่
สำหรับบางช่วงบางชีวิตที่ผ่านมา มันคงเป็นวิถีที่ต้องเป็นไป ไม่ว่าการเข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมืองในหลายๆ ครั้ง แม้กระทั่งการเข้าป่าจับปืน แต่ละเรื่องแต่ละราวคุณเชื่อไหมว่ามันเป็นความพึงใจ ผมไม่เคยกระสันในลาภยศของชัยชนะหรือพ่ายแพ้ ผมว่ามันเป็นเพียงหนึ่งสิ่งในชีวิตร่วมอันหลากหลายดังกล่าวไปแล้ว สำหรับผมประสบการณ์ทั้งหมดมันยังมีค่ามากมายในชีวิตอันเส็งเคร็ง มีค่ามากจนล้นเกินที่จะเก็บในความทรงจำ โลกกว้างกว่าที่เราคาดคิดจริงๆ
ดังที่กล่าว ผมมิปรารถนาวิวาทะใดๆกับเพื่อนพ้องทางน้ำหมึก ถ้าความรู้สึกใดๆที่เกิดขึ้นกับคุณจะพาลทำให้คุณรู้สึกป่วย ก็ต้องขออภัยจริงๆ อย่าซีเรียสทางการเมืองให้มากนัก ผมก็อยู่กับมันมาจนพอจะรู้จักมักจี่ ผมว่าการเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ ทั้งอำนาจ บารมีต่างๆ ผลประโยชน์ใดๆ ถ้าจะตกเป็นของประชาชนก็เป็นสิ่งที่ดีและควรทำ ในทางตรงข้ามก็ไม่ควรทำ
ประการหนึ่งที่อยากจะขอร้องสำหรับความเป็นเพื่อนกรุณาลบคำว่าอยากอ้วกด้วยได้ไหม เรื่องแบบนี้เขาไม่ต้องบอกกัน ถ้าเป็นโต๊ะเหล้าก็เชิญไปอ้วกเองที่ห้องน้ำ อ้วกบนโต๊ะไม่ไหวครับพี่ วงแตก!
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี เจ้าของนามปากกาสิงห์สนามหลวง โพสต์สเตตัสแสดงเหตุผลว่าเหตุใดจึงไม่ยอมรับรัฐประหาร โดยเป็นการตอบโต้สเตตัสนายสุรชัย จันทิมาธร หรือหงา คาราวาน ที่แสดงความเห็นว่า การประท้วงรัฐประหาร คือการเรียกร้องให้เอาทักษิณและยิ่งลักษณ์คืนมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. นายสุรชัยได้เขียนคำชี้แจงในเฟซบุค "ท.เสน สัญจร" มีรายละเอียดดังนี้
เรียนท่านสวัสดิ์ศรี สุชาติ ครับพี่
อย่าถือว่าเป็นวิวาทะอะไรกันเลยครับ ผมคงมิเกิดอหังการ์อะไรขนาดนั้นได้ อีกประการหนึ่ง ผมก็เผลอลืมเกียรติตำแหน่งที่สังคมหยิบยื่นให้ในบางเวลาที่มันติดพันกับภาระหน้าที่อันเป็นกังวลอยู่ ภาระหน้าที่ดังกล่าวก็มิใช่เป็นสิ่งที่ใครเขาหยิบยื่นให้ทำ ผมไปคิดเองทำเองทั้งสิ้นในสำนึกง่ายๆว่าเราเป็นหนึ่งในสังคมที่เป็นอยู่อันหลากหลาย พื้นที่ผมใช้อยู่เป็นที่เฉพาะตนด้วยซ้ำไป ผมดีใจที่มีสนามส่วนตัวได้แสดงออกเท่าที่มีโอกาส โดยไม่เป็นการรบกวนกระบวนการตรวจสอบจากบรรณาธิการใดๆ แปลว่าผมมีหนังสือของผมเองที่อาจจะมีคนอ่านอยู่ร้อยสองร้อยหรือถึงสามร้อยคนแล้วแต่กรณี ผมก็ค่อนข้างจะมีความสุขเล็กๆที่มีโอกาสฝึกคิดฝึกเขียนอยู่เสมอๆ อันนี้คือปณิธานที่ตั้งไว้
ในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา ผมเพิ่งรู้ตัวว่ายังพอฟื้นงานเขียนอันเป็นที่รักมาแต่เริ่มต้นได้ โดยไม่เกร็งไม่แข็งจนด้านไปเหมือนที่เคยกังวล สิ่งที่น่ากลัวสำหรับนักเขียนก็คือ เขียนหนังสือไม่ออกหลังจากเขาเขียนมาแล้วระดับหนึ่ง ปัจจุบันนี้บทกลอนที่ผมเขียนสั้นๆลงเฟซบุ๊ค เพียงปรารถนาฝึกมือเท่านั้น เหมือนช่างเขียนรูปถ้าไม่หมั่นสเก็ทช์ มือของเขาก็จะไม่เดินเส้นได้สะดวก
ผมเขียนเรื่องสั้นสองเรื่องครึ่ง (หมายถึงเรื่องที่สามกำลังเขียนอยู่) ผมก็ไม่อยากจะส่งไปลงพิมพ์ที่ไหนเหมือนที่เคยทำ ผมเก็บมันไว้ตรวจทานแก้ไขทีละน้อย ไม่ดิ้นรนที่จะอยากตีพิมพ์เหมือนอย่างเคย และยังอยากเขียนให้ได้มากกว่านี้ ทั้งที่ไม่ค่อยมีเวลา
เวลาหมดไปกับการทำมาหากิน อาชีพวงดนตรีสำหรับผมยังพอหากินได้ มันเป็นรายได้เดียวที่ทำให้ผมดำรงชีวิตอยู่ โดยไม่ต้องแบมือขอเงินใครอย่างที่เคย ความตั้งใจประการหนึ่งก็คืออยากอยู่ให้ได้เหมือนลิเกหมอลำเขาเคยอยู่กันมา เพลงที่เราเขียนเราร้องก็น่าจะเป็นเช่นนั้น หรือมิใช่
สำหรับบางช่วงบางชีวิตที่ผ่านมา มันคงเป็นวิถีที่ต้องเป็นไป ไม่ว่าการเข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมืองในหลายๆ ครั้ง แม้กระทั่งการเข้าป่าจับปืน แต่ละเรื่องแต่ละราวคุณเชื่อไหมว่ามันเป็นความพึงใจ ผมไม่เคยกระสันในลาภยศของชัยชนะหรือพ่ายแพ้ ผมว่ามันเป็นเพียงหนึ่งสิ่งในชีวิตร่วมอันหลากหลายดังกล่าวไปแล้ว สำหรับผมประสบการณ์ทั้งหมดมันยังมีค่ามากมายในชีวิตอันเส็งเคร็ง มีค่ามากจนล้นเกินที่จะเก็บในความทรงจำ โลกกว้างกว่าที่เราคาดคิดจริงๆ
ดังที่กล่าว ผมมิปรารถนาวิวาทะใดๆกับเพื่อนพ้องทางน้ำหมึก ถ้าความรู้สึกใดๆที่เกิดขึ้นกับคุณจะพาลทำให้คุณรู้สึกป่วย ก็ต้องขออภัยจริงๆ อย่าซีเรียสทางการเมืองให้มากนัก ผมก็อยู่กับมันมาจนพอจะรู้จักมักจี่ ผมว่าการเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ ทั้งอำนาจ บารมีต่างๆ ผลประโยชน์ใดๆ ถ้าจะตกเป็นของประชาชนก็เป็นสิ่งที่ดีและควรทำ ในทางตรงข้ามก็ไม่ควรทำ
ประการหนึ่งที่อยากจะขอร้องสำหรับความเป็นเพื่อนกรุณาลบคำว่าอยากอ้วกด้วยได้ไหม เรื่องแบบนี้เขาไม่ต้องบอกกัน ถ้าเป็นโต๊ะเหล้าก็เชิญไปอ้วกเองที่ห้องน้ำ อ้วกบนโต๊ะไม่ไหวครับพี่ วงแตก!